คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่า กรณีเป็นเรื่องที่จำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์นั้นไว้จากผู้เสียหาย แม้จำเลยจะเบียดบังเอาไปก็เป็นเรื่องยักยอก,ไม่ใช่ลักทรัพย์พิพากษายกฟ้องโจทก์ดังนี้ เรื่องจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์ไว้เมื่อใดหรือไม่เป็นข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา ม.219

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักธนบัตรของนางแดงขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น สืบตัวผู้เสียหายพะยานโจทก์ปากเดียว ได้ความว่า ผู้เสียหายมาที่เรือนจำเลย แล้วเอาเงินฝากนางสาวเอี่ยมจำเลยไว้ จำเลยเก็บเงินไว้ในห้องเรือนจำเลย พอค่ำผู้เสียหายนอนที่หน้าประตูห้องเห็นนางสาวเอี่ยมจำเลยลงเรือนไป แล้วกลับขึ้นมาพูดกับนางเปี่ยมซึ่งเป็นมารดาพึมพัมๆ ผู้เสียหายนึกสงสัยถึงเงินที่ฝากไว้ จึงขอดูเงินจำเลยเปิดหีบให้ดูปรากฎว่าเงินหายไป ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยได้รับมอบหมายให้เก็บรักษาเงินนั้นไว้แม้จะเบียดบังเอาไปก็เป็นเรื่องยักยอกทรัพย์ไม่ใช่ลักทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า การยีดถือครอบครองเงินนั้นยังอยู่กับผู้เสียหาย กรณีไม่ใช่ยักยอก
ศาลฎีกาเห็นว่า องค์ความผิดประการหนึ่งของความผิดฐานยักยอก คือการับมอบหมายทรัพย์นั้นไว้ก่อน จำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์ไว้เมื่อใด หรือไม่? เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องวินิจฉัยแล้วแต่กรณี ไม่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยชี้ขาดต้องกันมาแล้วว่า จำเลยได้รับมอบหมายเงินนั้นจากผู้เสียหายแล้ว ฎีกาโจทก์เป็นการเถียงข้อเท็จจริง ซึ่งศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงนั้น ฎีกาโจทก์ต้องห้ามการ ป.ม.วิ อาญา ม.๒๑๙ ศาลฎีกาไม่รับไว้พิจารณาให้ยกฎีกาโจทก์ พิพากษายืน

Share