แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพียงว่า ทรัพย์มรดกของ อ. มีเพียงใดและโจทก์ทั้งสองมีสิทธิได้รับมรดกหรือไม่ เพียงใด โดยมิได้กำหนดวิธีการแบ่งเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ตามที่จำเลยให้การต่อสู้ ซึ่งก็ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคัดค้านการกำหนดประเด็นข้อพิพาท ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีตามประเด็นข้อพิพาทที่กำหนด โดยวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ อ. และโจทก์ทั้งสองมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งคนละหนึ่งในสิบส่วนครบตามประเด็นข้อพิพาทที่กำหนดไว้ ก็ย่อมไม่จำต้องวินิจฉัยถึงวิธีการแบ่งเพราะต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 อยู่แล้ว อีกทั้งก็มิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ แม้ศาลล่างทั้งสองจะได้วินิจฉัยเกี่ยวกับวิธีการแบ่งตามที่จำเลยให้การต่อสู้มาด้วย ก็เป็นเรื่องวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทและไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาฉะนั้น ข้อฎีกาของจำเลยย่อมถือมิได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องมีใจความทำนองเดียวกันว่า โจทก์ที่ 1 เป็นบุตรและเป็นผู้จัดการมรดกของนาวาอากาศตรีชัยสิทธิ์ชาครียรัตน์ โจทก์ที่ 2 และนาวาอากาศตรีชัยสิทธิ์เป็นบุตรของหลวงศรีราชรักษา กับนางอุบล ชาครียรัตน์ โจทก์ทั้งสองจึงเป็นทายาทของนางอุบล โดยโจทก์ที่ 1 มีสิทธิรับมรดกนางอุบลแทนที่นาวาอากาศตรีชัยสิทธิ์ โจทก์ที่ 1 มอบอำนาจให้นางจิรภาธาราวุฒิ ฟ้องและดำเนินคดีแทนจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนางอุบลตามคำสั่งศาลชั้นต้นตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2533จนถึงปัจจุบันนางอุบลมีทรัพย์มรดกเท่าที่ทราบ 7 รายการรวมเป็นทรัพย์สินทั้งสิ้น 4,530,000 บาท ซึ่งนางอุบลมีทายาทรวมโจทก์ทั้งสองด้วยจำนวน 10 คน โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิได้รับมรดกคนละ 1ใน 10 ส่วน แต่จำเลยไม่ได้ดำเนินการแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทจนถึงปัจจุบัน โจทก์ทั้งสองเคยทวงถามแล้ว จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยแบ่งทรัพย์มรดกของนางอุบลส่วนอื่น ๆ ที่มิใช่ที่ดินให้โจทก์ทั้งสองคนละประมาณ 253,000 บาท และแบ่งที่ดินตามโฉนดเลขที่ 10328 ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี อีกคนละ 1 ใน 10 ส่วน หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การทั้งสองสำนวนทำนองเดียวกันว่า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยดำเนินการแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่10328 ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรีให้แก่โจทก์ทั้งสองคนละ 1 ใน 10 ส่วน สำหรับวิธีการแบ่งให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า การแบ่งทรัพย์มรดกส่วนหนึ่งของนางอุบล ชาครียรัตน์ เจ้ามรดก คือที่ดินโฉนดเลขที่10328 ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรีต้องดำเนินการตามคำสั่งของนางอุบลและทายาททุกคนก็ตกลงให้ปฏิบัติตามคือให้นำออกขายแล้วแบ่งเงินให้แก่ทายาททุกคนนั้นเห็นว่าสำหรับที่ดินมรดกแปลงนี้ โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกทำการแบ่งให้แก่โจทก์ทั้งสองคนละหนึ่งในสิบส่วน จำเลยให้การต่อสู้ว่า ส่วนมรดกที่โจทก์ที่ 1 มีสิทธิได้รับไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน และการแบ่งส่วนที่ดินมรดกให้แก่โจทก์ทั้งสองกระทำมิได้ ต้องใช้วิธีนำออกขายทั้งแปลงแล้วแบ่งเงินกันเท่านั้นปรากฏว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพียงว่า ทรัพย์มรดกของนางอุบลมีเพียงใด และโจทก์ทั้งสองมีสิทธิได้รับมรดกหรือไม่เพียงใด โดยมิได้กำหนดวิธีการแบ่งเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ตามที่จำเลยให้การต่อสู้ ซึ่งก็ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคัดค้านการกำหนดประเด็นข้อพิพาท ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีตามประเด็นข้อพิพาทที่กำหนดโดยวินิจฉัยว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 10328 ดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกของนางอุบลและโจทก์ทั้งสองมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งคนละหนึ่งในสิบส่วนครบตามประเด็นข้อพิพาทที่กำหนดไว้ก็ย่อมไม่จำต้องวินิจฉัยถึงวิธีการแบ่งเพราะต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 อยู่แล้ว อีกทั้งก็มิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ ดังนี้ แม้ศาลล่างทั้งสองจะได้วินิจฉัยเกี่ยวกับวิธีการแบ่งตามที่จำเลยให้การต่อสู้มาด้วย ก็เป็นเรื่องวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทและไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาฉะนั้น ข้อฎีกาของจำเลยย่อมถือมิได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย