แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การยกเรือนให้เพื่อตอบแทนกับเงินค่าเรือนหอนั้น ตามกฎหมายจะเป็นการยกให้หรือขายก็ตาม ก็ต้องทำเป็นหนังสือ จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นอสังหาริมทรัพย์
ย่อยาว
ความว่า โจทก์ขอจำเลยที่ 2 มาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม แล้วยกให้เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 ในการแต่งงานโจทก์เรียกค่าเรือนหอจากจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 80 บาทแล้วยกเรือนพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์ให้แก่จำเลย เป็นการพูดยกให้ด้วยวาจา ไม่ได้ทำหนังสือหรือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ยกให้แล้วโจทก์คงอยู่ร่วมกับจำเลยตลอดมาจนกระทั่งโจทก์ได้ภรรยาใหม่ จึงไปอยู่บ้านภรรยา ภายหลังจะกลับเข้าอยู่ในเรือนพิพาทตามเดิมจำเลยไม่ยอม โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ขึ้น ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนพิพาท และเรียกทรัพย์จากจำเลยจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยส่งทรัพย์บางสิ่งแก่โจทก์
จำเลยฎีกาว่า เรือนพิพาทโจทก์ยกให้จำเลยเป็นการตอบแทนในการเรียกเงินค่าเรือนหอไปจากจำเลยที่ 1 เรือนพิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลยโดยมิต้องทำหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ใช้ได้ ส่วนทรัพย์อื่น ๆ เมื่อจำเลยมีสิทธิในเรือนพิพาท ทรัพย์เหล่านั้นก็ตกเป็นของจำเลยด้วย เพราะเป็นของใช้ประจำเรือนพิพาท
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการยกเรือนให้เพื่อตอบแทนกับค่าเรือนหอนั้นตามกฎหมายจะเป็นการยกให้หรือขายก็ตามก็ต้องทำหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นอสังหาริมทรัพย์ หามีกฎหมายยกเว้นไว้ไม่ เมื่อเรือนพิพาทยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ก็ไม่ต้องวินิจฉัยถึงทรัพย์อื่นต่อไป
พิพากษายืน