แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บิดายกที่ดินและตึกแถว อันเป็นสินเดิมของบิดาให้แก่บุตรคนเดียว ซึ่งเกิดกับภริยาคนก่อนผู้เป็นมารดา บุตรและถึงแก่กรรมไปแล้วเนื่องจากที่ดินและตึกแถวนั้นเดิมเป็นสินสมรสระหว่างบิดากับมารดาผู้ถึงแก่กรรมไปแล้วนั้นทั้งภริยาคนใหม่นี้ก็ไม่มีบุตรด้วยกันดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3) จึงไม่ต้องได้ได้รับความยินยอมจากภริยาก่อน
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกของโจทก์ อ้างว่าจำเลยอาศัย
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้อาศัยตึกพิพาทเป็นสินบริคณห์ของจำเลยกับบิดาโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยกับบริวาร
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า บิดาโจทก์ยกที่ดินและตึกแถวรวมทั้งตึกพิพาทอันเป็นสินเดิมของบิดาโจทก์ให้แก่โจทก์ในระหว่างที่จำเลยเป็นภริยาของบิดาโจทก์อยู่ เมื่อปรากฏว่าทรัพย์สินดังกล่าวเดิมเป็นสินสมรสระหว่างบิดาโจทก์และมารดาโจทก์ มารดาโจทก์ตายแล้ว การที่บิดาโจทก์ยกทรัพย์ดังกล่าวให้โจทก์ผู้เป็นบุตรคนเดียว ย่อมเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีแล้ว จึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากจำเลยผู้เป็นภริยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 เมื่อที่ดินและตึกตกเป็นของโจทก์ บิดาโจทก์ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว โจทก์จึงย่อมมีสิทธิไม่ให้จำเลยอยู่ได้
จึงพิพากษายืน