แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับประกันพลอยของโจทก์ซึ่งประสงค์จะส่งไปยังธนาคาร บ.เพื่อส่งต่อและเรียกเก็บเงินจากห้าง จ. โดยโจทก์ได้ส่งพลอยนั้นทางพัสดุไปรษณีย์ในวันเดียวกันนั้น ปรากฎว่าไปรษณีย์ส่งพลอยนั้นให้แก่ห้าง จ. โดยตรง ไม่ส่งให้ธนาคารดังที่โจทก์จ่าหน้า ขอให้จำเลยใช้เงินตามมูลค่าแห่งกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยให้การว่าโจทก์ขอประกันภัยต่อจำเลยโดยระบุนามผู้รับไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ 2357 ว่า บริษัท จ.พัสดุภัณฑ์นี้ได้ส่งไปถึงบริษัท จ. ผู้รับถูกต้องแล้ว และโจทก์แปลคำว่า Non Delivery ในสัญญากรมธรรม์ผิด ที่ถูกต้องแปลว่า “ไม่มีการส่งของ” ไม่ใช่ส่งไม่ถึงที่หรือส่งผิด แม้ส่งผิด จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดบริษัท จ.ก็ได้ยินยันมายังโจทก์ว่าได้รับไปรษณีย์นั้นแล้ว โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยใช้หนี้แทนลูกหนี้ของโจทก์ไม่ได้ ดังนี้ ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่า พัสดุภัณฑ์ที่โจทก์ส่งไปนั้นจ่าหน้าถึงใครเป็นผู้รับกันแน่ คู่ความยังโต้แย้งกันอยู่ และต่างมีเอกสารหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างของตน และยังโต้เถียงการแปลคำว่า Non Delivery ในกรมธรรม์กันด้วย ต่างยังมิได้รับรองเอกสารหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อสืบพยานโจทก์ได้เพียงคนเดียวแล้วศาลจะสั่งงดสืบพยาน โจทก์จำเลยต่อไปแล้วฟังว่าไปรษณีย์ส่งพัสดุภัณฑ์นั้นให้บริษัท จ. ผิดไปจากจ่าหน้า แต่บริษัท จ.ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าได้รับของแล้ว ชอบที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่บริษัท จ.ผู้ซื้อโดยตรงให้ชำระราคาได้ก็ดี ศาลแปลคำว่า Non Delivery ดังที่จำเลยให้การ แล้วเห็นว่าเมื่อของนี้ได้ส่งถึงมือผู้ซื้อแล้ว ความรับผิดของจำเลยจึงหมดไปก็ดี หรือฟังว่า ในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งและหลักฐานเท่าที่มีในสำนวนก็ไม่มีว่าจำเลยทราบหรือมีข้อตกลงกันว่าจะต้องส่งพัสดุภัณฑ์นั้นแก่ธนาคาร บ.จึงพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีก็ดี ดังนี้ ยังไม่เป็นการที่ชอบ สมควรฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นบริษัทจำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่ฮ่องกง และจดทะเบียนประกอบธุรกิจประกันภัย ณ กระทรวงเศรษฐการ จำเลยได้รับประกันพลอยของโจทก์ซึ่งประสงค์จะส่งไปยังธนาคารแนทเธอร์แลนด์ เพื่อส่งต่อและเรียกเก็บเงินจากห้างเยมส์แลนด์จีเวลส์ ณ เมืองฮ่องกง มีมูลค่าประกันภัย ๔๐,๐๐๐ เหรียญ ทั้งนี้ โดยโจทก์ได้ส่งพลอยดังกล่าวทางพัสดุไปรษณีย์ ณ ไปรษณีย์กลาง ในวันเดียวกันนั้นแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดจากพัสดุไม่ถึงผู้รับตามรูปถ่ายกรมธรรม์ประกันภัย และเงื่อนไขในการส่งพัสดุไปรษณีย์พร้อมด้วยคำแปลท้ายฟ้อง ในการ ส่งสินค้าดังกล่าวปรากฎว่า ทางการไปรษณีย์ฮ่องกงได้ส่งให้แก่ผู้ซื้อ คือ ห้างเยมส์แลนด์จีเวลส์โดยตรง ไม่ส่งให้ธนาคารที่ระบุในจ่าหน้า จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมูลค่าแห่งกรมธรรม์ให้โจทก์ ขอให้จำเลยใช้เงิน ๔๐,๐๐๐ เหรียญ ซึ่งคิดเป็นเงินไทย ๑๔๗,๒๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ยื่นคำขอประกันภัยโดยระบุบริษัทเยมส์แอนด์จิวเวลส์ เป็นผู้รับไปรษณีย์ภัณฑ์เลขที่ ๒๓๕๗ ไม่เคยบอกหรือระบุว่าจะส่งไปยังธนาคารแนทเธอร์แลนด์ และพัสดุภัณฑ์นี้ได้ส่งไปถึงบริษัทเจ็มส์ ฯ ถูกต้องแล้ว คำแปลสัญญากรมธรรม์คำว่า Non Delivery ที่แปลว่า การที่ของไม่ส่งถึงที่ ” นั้น ผิด ต้องแปลว่า “ไม่มีการส่งของ” และเมื่อส่งของถึงผู้ซื้อแล้ว แม้จะส่งผิด จำเลยก็ไม่ต้องรับผิด บริษัทเจ็มส์แอนด์จิวเวลส์ ก็ยืนยันมายังโจทก์ว่า ได้รับไปรษณีย์ภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว และพร้อมที่จะชำระเงินหากโจทก์ได้รับเงินแล้วก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย ถ้าไม่ยอมรับหรือไม่ติดตามทวงถาม ก็เป็นความผิดของโจทก์เอง หรือมิฉะนั้น ก็สมคบกันโกงจำเลย จะมาฟ้องให้จำเลยใช้หนี้แทนลูกหนี้ของโจทก์ไม่ได้ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นสืบนายบั๊กเซี้ย แซ่เบ๊ ได้ ๑ คน เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว สั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วฟังว่า พัสดุภัณฑ์ของโจทก์จ่าหน้าถึงธนาคารแนทเธอร์แลนด์ที่ฮ่องกงเพื่แจ้งแก่บริษัทเยมแอนด์จิเวลส์ แต่ไปรษณีย์ฮ่องกงส่งผิด โดยส่งให้บริษัทเยมส์แอนด์จีเวลส์เลย บริษัทนั้นแจ้งมายังโจทก์ว่าได้รับของแล้ว ชอบที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาแก่บริษัทเยมส์ ฯ ผู้ซื้อโดยตรงได้ แต่โจทก์ไม่ทำก็เป็นความผิดของโจทก์เอง และ Non delivery แปลว่า ไม่มีการส่งมอบของดังที่จำเลยให้การ ปรากฎว่าของนี้ได้ส่งถึงมือผู้ซื้แล้วความรับผิดของผู้รับประกันภัยจึงหมดไป ไม่ต้องขอใช้ให้โจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่า พัสดุภัณฑ์ที่โจทก์ส่งและเอาประกันภัยไว้ตามใบรับเลขที่ ๒๐๕๗ นั้น จ่าหน้าถึงใครเป็นผู้รับที่ฮ่องกง โจทก์อ้างว่า จ่าหน้าถึงธนาคารแนทเธอร์แลนด์ แต่จำเลยอ้างว่าจ่าหน้าถึงบริษัทเจมส์แอนด์จิวเวลส์ โต้แย้งกันอยู่ ต่างมีเอกสารหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างของตน และยังโต้เถียงการแปลถ้อยคำ Non Delivery ในกรมธรรม์ประกันภัยด้วย คู่ความยังมิได้รับรองเอกสารหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่งว่าถูกต้อง การที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปได้เพียง ๑ คนแล้วสั่งงดสืบพยานคู่ความเสียและศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยประกันภัยพัสดุไปรษณีย์เลขที่ ๒๐๕๗ แต่ในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้ง และหลักฐานเท่าที่มีในสำนวนก็ไม่มีว่าจำเลยทราบหรือมีข้อตกลงกันว่า ต้องส่งพัสดุภัณฑ์นั้นแก่ธนาคารแนทเธอร์แลนด์ก่อนเพื่อส่งและเรียกเก็บเงินจากบริษัทเจ็มส์ ฯ โดยคู่ความไม่มีโอกาสนำพยานเข้าสืบว่าเอกสารหลักฐานที่ตนอ้างมานั้นจะรับฟังได้เพี่ยงใดหรือไม่เสีย+ แล้วพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่ชอบ สมควรจะฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความก่อน พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่