แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องคดีมีทุนทรัพย์ 855 บาท แม้ศาลชั้นต้นจะตัดสินให้จำเลยต้องรับผิดชดใช้เพียง 177 บาท ก็ดีก็ไม่ทำให้เป็นคดีมโนสาเร่ขึ้น จำเลยย่อมอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน ๘๕๕ บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๑๗๗ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีในชั้นนี้มีทุนทรัพย์เพียง ๑๗๗ บาทเป็นคดีมโนสาเร่ จำเลยจะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงมิได้
ศาลฎีกาตัดสินว่าเรื่องนี้เป็นคดีแพ่ง สามัญ เพราะทุนทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้องเกิน ๒๐๐ บาท การคำนวนทุนทรัพย์เพื่อชี้ว่าเป็นคดีมโนสาเร่ต้องเป็นไปตาม ม.๑๙๐ ซึ่งบัญญัติว่าจำนวนทุนทรัพย์หรือราคาพิพาทให้คำนวณตามคำเรียกร้องของโจทก์จริงอยู่เรื่องนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยต้องใช้ค่าเสียหาย ๑๗๗ บาท และจำเลยอุทธรณ์ในจำนวนทุนทรัพย์ ๑๗๗ บาท แต่การห้ามอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงตาม ม.๒๒๔ ห้ามฉะเพาะคดีมโนสาเร่ไม่ใช่ห้ามทุนทรัพย์ศาลให้แพ้ชนะ เมื่อเรื่องนี้เป็นคดีสามัญมาแต่ต้น จำเลยจึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ จึงพิพากษาให้ป้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลยพิจารณาพิพากษาเสียใหม่ ส่วนค่าธรรมเนียมในชั้นนี้คืนให้จำเลย