คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5795/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 371และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ แต่ให้ลงโทษตามพ.ร.บ. อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุกคนละ 1 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม ป.อ. มาตรา 371 ให้ปรับจำเลยทั้งสองคนละ 100 บาท ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 83, 91, 288, 371 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 55 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 371 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4เรียงกระทงลงโทษ ฐานมีอาวุธปืนกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 2 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 3 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันพยายามฆ่า
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องข้อหามีและพาอาวุธปืน
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานพยายามฆ่า ให้จำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน ฐานพาอาวุธ ปรับคนละ100 บาท รวมจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 13 ปี 4 เดือน และปรับคนละ100 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30ให้ยกฟ้องในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ
จำเลยทั้งสองฎีกา ขอให้ยกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยมิได้กระทำผิดฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 นั้นเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ แต่ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุกคนละ 1 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ให้ปรับจำเลยทั้งสองคนละ 100 บาท ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยคดีจึงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงในที่เกิดเหตุตามฟ้องหรือไม่… น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสองกับพวกยิงปืนเพื่อขู่ขวัญและแสดงอิทธิพลให้ผู้เสียหายกับพวกชาวบ้านเห็น เพราะเคยขู่เรียกค่าคุ้มครองจากผู้เสียหายแต่ผู้เสียหายไม่ให้และย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วกลับมารื้อบ้านหนีไป โดยมิได้เจตนาจะยิงให้ถูกผู้เสียหายกับพวกโดยเจตนาฆ่าแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานพยายามฆ่ามาด้วยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองในข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 3.

Share