คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5781/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยนำดินเข้าไปถมและปรับระดับพื้นที่ในที่ดินราชพัสดุที่เกิดเหตุโดยสมัครใจ เพราะเชื่อว่าตนจะได้รับโอนสิทธิในที่ดินราชพัสดุดังกล่าว แม้กระทรวงการคลังซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินราชพัสดุจะได้ดินนั้นมาในฐานลาภมิควรได้ก็ตาม แต่เมื่อภายหลังไม่มีการโอนสิทธิการเช่าที่ดินกัน จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะนำดินที่ถมไว้ในที่ดินราชพัสดุคืนไป พฤติการณ์ที่จำเลยได้ให้พวกของจำเลยขุดเอาดินในที่ดินราชพัสดุไปเกินกว่าดินที่จำเลยนำมาถมไว้ โดยไม่รับฟังข้อทักท้วงห้ามปรามของผู้มีสิทธิในที่ดินเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง จึงเป็นการขุดเอาดินของผู้เสียหายไปโดยทุจริต จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับพวกลักทรัพย์ ตาม ป.อ. มาตรา 335 (7) วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ , ๓๓๕ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน ๖๓,๕๒๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ , ๓๓๕ (๗) วรรคสอง จำคุก ๒ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน ๖๓,๕๒๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องหรือไม่ จำเลยเบิกความว่า จำเลยซื้อที่ดินที่ติดกับที่ดินราชพัสดุที่เกิดเหตุจากนายลี อาจต้น บิดาของนายสุวรรณ อาจต้น เพื่อนำมาพัฒนาและจัดสรรขายแก่บุคคลทั่วไป และนายลีได้ทำสัญญาโอนสิทธิในที่ดินราชพัสดุที่เกิดเหตุให้แก่จำเลยด้วย จำเลยจึงได้นำดินไปกองในบริเวณที่ดินที่เกิดเหตุเตรียมปรับที่ดินเพื่อปลูกบ้านจัดสรรขาย ต่อมาเมื่อทราบว่านายสุวรรณเป็นผู้ทำสัญญาเช่าที่ดินที่เกิดเหตุจากราชพัสดุจังหวัดปราจีนบุรี จึงไปติดต่อกับนายสุวรรณเพื่อซื้อสิทธิการเช่าดังกล่าว ตกลงกันได้แล้ว แต่ราชพัสดุจังหวัดปราจีนบุรีไม่ดำเนินการให้ จำเลยจึงให้ลูกจ้างของจำเลยขุดดินที่นำไปกองไว้ในที่ดินราชพัสดุที่เกิดเหตุออกไปโดยมิได้ขุดเอาดินออกจากพื้นดินที่เกิดเหตุออกไป โดยมีภรรยาจำเลยและผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ ๔ ตำบลนาแขม อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี มาเบิกความสนับสนุน เห็นว่า สัญญาต่อท้ายสัญญาขายฝากที่จำเลยอ้างเป็นสัญญาที่นายลีทำกับบุคคลอื่น ซึ่งไม่มีชื่อจำเลยเป็นคู่สัญญา จำเลยเพียงนำดินเข้าไปกองไว้ในที่ดินที่เกิดเหตุ และการขนดินออกก็เพียงขนเอาดินที่กองออกไปเท่านั้น ดินที่จำเลยนำเข้าไปในที่ดินราชพัสดุที่เกิดเหตุ จำเลยมิได้นำไปกองไว้เฉย ๆ แต่เป็นการเข้าไปถมและปรับระดับพื้นที่ในที่ดินดังกล่าว การกระทำของจำเลยถือเป็นการกระทำโดยสมัครใจเพราะเชื่อว่าตนจะได้รับโอนสิทธิในที่ดินราชพัสดุดังกล่าว ดังนั้น แม้กระทรวงการคลังซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินราชพัสดุจะได้ดินนั้นมาในฐานลาภมิควรได้ก็ตาม แต่เมื่อภายหลังไม่มีการโอนสิทธิการเช่ากัน จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะนำดินที่ถมไว้ในที่ดินราชพัสดุที่เกิดเหตุคืนไป พฤติการณ์ที่จำเลยได้ให้พวกของจำเลยขุดเอาดินในที่ดินราชพัสดุไปเกินกว่าดินที่จำเลยนำมาถมไว้ โดยไม่รับฟังข้อทักท้วงห้ามปรามของผู้มีสิทธิในที่ดินดังกล่าว จึงเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง จึงเป็นการขุดเอาดินของผู้เสียหายไปโดยทุจริต จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับพวกลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๗) วรรคแรก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๗) วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ ให้ลงโทษจำคุก ๑ ปี และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ , ๓๐ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินเป็นเงิน ๖๓,๕๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย.

Share