แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลล่างทั้งสองตัดสินต้องกัน โดยฟังว่าจำเลยไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บข้าว ตามประกาศคณะกรรมการจังหวัดแล้ว การที่จำเลยฎีกาอ้างว่าตามประกาศให้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่ออำเภอที่มีภูมิลำเนาจำเลยมีภูมิลำเนาต่างอำเภอหรือจังหวัดที่ข้าวอยู่นั้นย่อมไม่เป็นข้อสำคัญ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายเพ็ชรจำเลยมีข้าวเปลือก 78,000 กิโลกรัม นายกลมจำเลยมี 12,000 กิโลกรัม แล้วไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่อคณะกรมการอำเภอ ตามประกาศของคณะกรมการจังหวัดซึ่งประกาศให้ผู้มีข้าวตั้งแต่ 10,000 กิโลกรัมขึ้นไปแจ้งปริมาณ
จำเลยให้การว่าไม่มีข้าวถึงจำนวนดังฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยมีข้าวดังฟ้อง และไม่แจ้งปริมาณต่อเจ้าพนักงานดังฟ้องจึงลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฎีกาข้อแรกของจำเลยว่า ประกาศของคณะกรมการจังหวัดว่าให้ไปแจ้งต่อคณะกรมการอำเภอซึ่งตนมีภูมิลำเนา นายกลมจำเลยมีภูมิลำเนาในอำเภอบึงกานี จังหวัดหนองคาย จึงไม่มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามประกาศ นายเพ็ชรมีภูมิลำเนาในเขตอำเภอสว่างดินแดนจังหวัดสกลนครจริง แต่โจทก์ไม่ได้ว่านายเพ็ชรไม่ได้ไปแจ้งต่ออำเภอสว่างดินแดน จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองฟังว่า จำเลยไม่ได้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บตามประกาศนั้นแล้ว ฉะนั้นการที่จำเลยอ้างว่าอยู่นอกเขตอำเภอวานรนิวาศซึ่งมีข้าวอยู่ จึงไม่ใช่ข้อสำคัญ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง