คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความตกลงท้ากันว่าโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานแต่ขอให้พระภิกษุส.มาแถลงต่อศาลว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแน่หากพระภิกษุส.แถลงต่อศาลเช่นใดคู่ความก็ยอมรับและไม่ติดใจคัดค้านแต่พระภิกษุส.แถลงต่อศาลเพียงว่าพระภิกษุส. เป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างพี่ชายโจทก์กับจำเลยแต่เงินที่ซื้อเป็นของจำเลยหรือไม่และจำเลยซื้อแทนใครหรือไม่พระภิกษุส.ไม่ทราบคำแถลงพระภิกษุส. ไม่ครบถ้วนตามคำท้าคดีจึงต้องสืบพยานโจทก์จำเลยกันต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่โจทก์ซื้อจากพี่ชายโจทก์ แต่ให้จำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์แทน
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทเอง ขอให้ยกฟ้อง
ชั้นพิจารณา โจทก์จำเลยแถลงตกลงท้ากัน โดยถือตามคำแถลงของพระภิกษุแสวง สุขวณโณ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำส้บก่อน ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์คู่ความแถลงร่วมกันว่า คู่ความตกลงท้ากันว่า โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานกัน แต่ขอให้พระภิกษุแสวง สุขวณโณ มาแถลงต่อศาลว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินแน่หากพระภิกษุแสวงแถลงต่อศาลเช่นใด คู่ความก็ยอมรับและไม่ติดใจคัดค้าน ปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณา ของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 14กันยายน 2535 ซึ่งเห็นได้ว่าใจความที่คู่ความแถลงมาจะต้องปรากฎว่าพระภิกษุแสวงแถลงต่อศาลชัดเจนว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทกันแน่จึงจะเป็นคำแถลงที่ครบถ้วนตามคำท้า และผูกพันคู่ความมิให้สืบพยาน แต่พระภิกษุแสวงก็แถลงต่อศาลเพียงว่า พระภิกษุแสวงเป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างนายสำราญ ฤทธิสาร กับจำเลย ผู้ซื้อ แต่เงินที่ซื้อเป็นของจำเลยหรือไม่และจำเลยซื้อแทนใครหรือไม่ พระภิกษุแสวงไม่ทราบ เห็นได้ว่าคำแถลงของพระภิกษุแสวงไม่ครบถ้วนตามคำท้า จึงไม่ต้องห้ามสืบพยาน ซึ่งในข้อนี้ศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งในชั้นแรกว่า ตามคำแถลงของพระภิกษุแสวงข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท กรณีจำต้องสืบนานต่อไปและได้กำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ด้วยแล้ว ปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 30 กันยายน 2535 แต่ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ซึ่งทนายโจทก์และทนายจำเลยมาศาลโดยไม่ปรากฎว่าคู่ความแถลงประการใด ศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งว่า คดีวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องสืบพยาน ให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้สืบพยานกันต่อไป ปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2535แล้วพิพากษาไปโดยไม่สืบพยาน คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณากันต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีมานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายืน

Share