แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า พบรถยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ ช. ใช้เดินทางกรณีจึงมิใช่ยานพาหนะที่ ช. เดินทางสูญหาย อันจะเข้าหลักเกณฑ์ระยะเวลา 2 ปี ที่จะร้องขอให้ ช. เป็นคนสาบสูญตาม ป.พ.พ. มาตรา 61 วรรคสอง แต่เป็นกรณีที่จะต้องใช้หลักเกณฑ์ระยะเวลา 5 ปี ตามมาตรา 61 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายชอบ เรืองขจร เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2543 นายชอบได้ออกจากบ้านที่อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี โดยขับรถยนต์กระบะคันหมายเลขทะเบียน บท – 2995 สุพรรณบุรี เป็นยานพาหนะเพื่อไปทำธุระ หลังจากนั้นทั้งนายชอบและรถยนต์อันเป็นยานพาหนะที่นายชอบขับได้สูญหายไป ต่อมาเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2543 ผู้ร้องได้ฟังข่าวทางวิทยุว่ามีผู้พบศพชายถูกเผาอยู่ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ผู้ร้องกับญาติของนายชอบจึงไปดูศพชายดังกล่าว และยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นศพของนายชอบเจ้าหน้าที่ได้นำศพดังกล่าวไปตรวจที่สถาบันนิติเวช ผลการตรวจไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ว่าผู้ตายเป็นใคร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนแล้วก็ไม่ทราบว่าผู้ตายและผู้กระทำความผิดเป็นใคร พนักงานสอบสวนจึงมีความเห็นงดสอบสวนและเจ้าหน้าที่ไม่ยืนยันว่าผู้ตายคือนายชอบ ทั้งไม่ยอมออกมรณบัตรให้ จนถึงบัดนี้ล่วงเลยมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว นายชอบก็ยังไม่กลับมาบ้าน ส่วนรถยนต์ที่นายชอบขับภายหลังพนักงานบริษัทพบรถยนต์กระบะที่นายชอบเช่าซื้อไปจอดอยู่ที่ด่านทางออกไปสหภาพพม่า จึงยึดรถกลับคืนมา โดยไม่พบนายชอบ ผู้ร้องกับญาติเข้าใจว่านายชอบถูกฆ่าแล้วนำศพไปเผา ก่อนที่นายชอบจะหายไป นายชอบทำงานเป็นลูกจ้างประจำสังกัดแขวงการทางสุพรรณบุรีที่ 2 เมื่อนายชอบหายไป ผู้บังคับบัญชาของนายชอบทำการสืบสวนแล้ว เห็นว่า นายชอบขาดราชการเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควรอันเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงมีคำสั่งลงโทษให้ไล่นายชอบออกจากราชการทำให้นายชอบไม่ได้รับบำเหน็จจากทางราชการ ซึ่งผู้ร้องมีส่วนได้เสียในเงินบำเหน็จดังกล่าว ผู้ร้องจึงมีความจำเป็นต้องมายื่นคำร้อง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งว่านายชอบเป็นคนสาบสูญและนำคำสั่งศาลไปแจ้งต่อกระทรวงคมนาคมให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งไล่นายชอบออกจากราชการต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องขอนายชอบออกไปจากภูมิลำเนานับถึงวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอยังไม่ครบ 5 ปี ตามกฎหมายและกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 61 จึงไม่รับคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า การที่นายชอบ เรืองขจร ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลา 2 ปีเศษ ตามคำร้องขอ เข้าหลักเกณฑ์ที่จะขอให้ศาลสั่งเป็นบุคคลสาบสูญหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำร้องขอของผู้ร้องว่านายชอบได้เดินทางออกจากบ้านโดยใช้รถยนต์กระบะ แล้วนายชอบและรถยนต์ดังกล่าวสูญหายไป ภายหลังพนักงานของบริษัทพบรถยนต์กระบะที่นายชอบเช่าซื้อไปจอดอยู่ที่ด่านทางออกไปสหภาพพม่า จึงยึดรถยนต์กลับคืนมา เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าพบรถยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะที่นายชอบใช้เดินทาง กรณีจึงมิใช่ยานพาหนะที่นายชอบเดินทางสูญหาย อันจะเข้าหลักเกณฑ์ระยะเวลา 2 ปี ที่จะร้องขอให้นายชอบเป็นคนสาบสูญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 61 วรรคสอง แต่เป็นกรณีที่จะต้องใช้หลักเกณฑ์ระยะเวลา 5 ปี ตามมาตรา 61 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นไม่รับคำร้องของผู้ร้องชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน