คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองมีไม้สักแปรรูปและไม้ประดู่กับไม้รังแปรรูปไว้ในครอบครองในคราวเดียวกัน แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องแยกจำนวนและปริมาตรของไม้ทั้งสองชนิดต่างหากจากกันก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองก็เป็นความผิดตามมาตรา 48,73 แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 บทมาตราเดียวกันการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้สักแปรรูป จำนวน 25แผ่น ปริมาตร 0.110 ลูกบาศก์เมตร และมีไม้ประดู่แปรรูป จำนวน24 แผ่น ปริมาตร 0.123 ลูกบาศก์เมตร กับไม้รังแปรรูป จำนวน 168แผ่น ปริมาตร 1.331 ลูกบาศก์เมตร รวมทั้งสิ้นปริมาตร 1.454ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา48, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 9 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2522 มาตรา 9 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนดคนละ 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองมีไม้สักแปรรูปและไม้ประดู่กับไม้รังแปรรูปไว้ในครอบครองในคราวเดียวกัน แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องแยกจำนวนและปริมาตรของไม้ทั้งสองชนิดต่างหากจากกันก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองก็เป็นความผิดตามมาตรา 48, 73 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ บทมาตราเดียวกัน การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่เป็นความผิดสองกรรมดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share