แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ตายกับพวกถือสิ่งของคล้ายอาวุธปืนเดินเข้ามาหาจำเลยในเขตนากุ้งของจำเลยในเวลาค่ำคืน จำเลยร้องห้ามให้วางสิ่งของดังกล่าว แล้วผู้ตายกับพวกกลับจู่โจมเข้ามาใกล้ประมาณ 2-3 เมตรย่อมมีเหตุให้จำเลยอยู่ในภาวะเข้าใจได้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้ามาทำร้ายและถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยใช้อาวุธปืนของกลางยิงไปทางผู้ตายกับพวกในภาวะและพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมายและพอสมควรแก่เหตุ จำเลยนำอาวุธปืนของกลางซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีไว้ในครอบครองติดตัวไปเฝ้านากุ้งของจำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนของกลางไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร แต่ถือว่าเป็นการพาไปโดยมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ วรรคสอง แม้จำเลยมิได้ฎีกาความผิดฐานนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นมาพิจารณาวินิจฉัยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 7 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 33, 91 และริบของกลางด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะส่วนข้อหาฆ่าผู้อื่น จำเลยให้การปฏิเสธอ้างเหตุป้องกัน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 68, 69 ให้จำคุก 2 ปี ส่วนความผิดฐานพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิให้ปรับ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ปรับ 500 บาทรวมเป็นจำคุก 2 ปี ปรับ 500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางริบ
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยซึ่งมาเฝ้านากุ้งโดยมีอาวุธปืนของกลางติดตัวมาด้วย ได้ใช้อาวุธปืนของกลางยิง 1 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจพร้อมอาวุธปืนของกลาง คดีมีปัญหาตามฎีกาโจทก์และจำเลยว่าจำเลยใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าหรือเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุดังนี้กรณีฟังได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนของกลางยิงไปทางผู้ตายกับพวกในขณะที่ผู้ตายกับพวกจู่โจมเข้ามาในระยะกระชั้นชิดดังที่จำเลยเบิกความ เห็นว่าผู้ตายกับพวกถือสิ่งของคล้ายอาวุธปืนเดินเข้ามาหาจำเลยในเขตนากุ้งของจำเลยในเวลาค่ำคืน จำเลยร้องห้ามให้วางสิ่งของดังกล่าว แล้วผู้ตายกับพวกกลับจู่โจมเข้ามาใกล้ประมาณ 2-3 เมตรดังนี้ ย่อมมีเหตุให้จำเลยอยู่ในภาวะเข้าใจได้ว่า ผู้ตายกับพวกจะเข้ามาทำร้ายและถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยใช้อาวุธปืนของกลางยิงไปทางผู้ตายกับพวก ในภาวะและพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมายและพอสมควรแก่เหตุ พยานหลักฐานจำเลยมีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ คดีฟังได้ว่าการที่จำเลยใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้ตายเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้ตายดังที่โจทก์ฟ้อง ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น ฎีกาจำเลยฟังขึ้น ส่วนความผิดฐานพาอาวุธปืนของกลางตามฟ้องได้ความว่า อาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนที่จำเลยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีไว้ในครอบครอง การที่จำเลยนำอาวุธปืนของกลางติดตัวไปเฝ้านากุ้งของจำเลยเอง ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนของกลางไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร แต่ถือได้ว่าเป็นการพาไปโดยมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ วรรคสอง ที่โจทก์ฟ้องเช่นกัน ถึงแม้ความผิดฐานนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นมาพิจารณาวินิจฉัยได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางคืนจำเลย