แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำฟ้องโจทก์ได้บรรยายว่า จำเลยประพฤติเนรคุณกล่าวคือ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2536 เป็นต้นมา จำเลยไม่ยอมให้อาหารเลี้ยงดูโจทก์อย่างที่เคยปฏิบัติ โดยจำเลยนำอาหารไปวาง ไว้ห่างจากที่โจทก์นั่งอยู่แล้วก็หนีไป ไม่รออยู่ดูแลว่าโจทก์จะ ได้รับประทานหรือไม่ บางครั้งกว่าโจทก์จะคลำไปถูกอาหาร ที่จำเลยนำมาวางไว้ก็ปรากฏว่าสุนัขกินอาหารหมดแล้วโจทก์จึงไม่ได้รับประทานอาหาร บางวันโจทก์ต้องเรียกชาวบ้านข้างเคียงขออาหารมารับประทานเพื่อยังชีพ นอกจากนี้จำเลยไม่สนใจปรนนิบัติดูแลโจทก์ ปล่อยให้โจทก์ต้องทนทุกข์ทรมานต่าง ๆในเวลาเจ็บป่วยการเข้าห้องส้วมห้องน้ำและการหลับนอน ดังนี้เป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่าไม่ได้เอาใจใส่ในการให้อาหารโจทก์รับประทานและมิได้สนใจปรนนิบัติดูแลโจทก์มิใช่กรณีตามบทบัญญัติของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(3) ที่บัญญัติว่า ผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้คำฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงไม่เข้าเหตุที่จะเรียกถอนคืนการให้ตามมาตรา 531(3)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2634, 1598 และ 254 ให้จำเลยโดยเสน่หา ต่อมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2536 เป็นต้นมาจำเลยไม่ยอมให้อาหารเลี้ยงดูโจทก์ จำเลยด่าว่าโจทก์หยาบคายเสียหายอย่างร้ายแรงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงจำเลยไม่สนใจปรนนิบัติดูแลโจทก์ โจทก์ไม่มีทรัพย์สินที่จะซื้ออาหารเลี้ยงตนเองได้แต่จำเลยมีทรัพย์สินและสามารถให้การเลี้ยงดูโจทก์ได้ ขอให้เพิกถอนการให้ที่ดิน ให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2634,1598 และ 254 คืนให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ไปจดทะเบียนโอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การว่า จำเลยเลี้ยงดูโจทก์เป็นอย่างดี ไม่เคยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ สาเหตุที่มีการฟ้องคดีนี้เนื่องจากนายวันชัย จันทร์อ่อน ซึ่งเป็นหลานโจทก์กับพวกอยากได้ทรัพย์สินของโจทก์ จึงยุยงให้โจทก์ขอที่ดินคืนจากจำเลยอ้างว่าจำเลยไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์โดยนำโจทก์ไปอยู่ที่อื่นขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 โจทก์ถึงแก่กรรมนายวันชัย จันทร์อ่อน ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คงมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ตามคำฟ้องโจทก์นั้นได้บรรยายฟ้องเหตุเนรคุณตามมาตรา 531(3) หรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องโจทก์ได้บรรยายว่า”จำเลยประพฤติเนรคุณ กล่าวคือตั้งแต่เดือนเมษายน 2536 เป็นต้นมาจำเลยไม่ยอมให้อาหารเลี้ยงดูโจทก์อย่างที่เคยปฏิบัติโดยจำเลยนำอาหารไปวางไว้ห่างจากที่โจทก์นั่งอยู่แล้วก็หนีไปไม่รออยู่ดูแลว่าโจทก์จะได้รับประทานหรือไม่ บางครั้งกว่าโจทก์จะคลำไปถูกอาหารที่จำเลยนำมาวางไว้ก็ปรากฏว่าสุนัขกินอาหารหมดแล้วโจทก์จึงไม่ได้รับประทานอาหาร บางวันโจทก์ต้องเรียกชาวบ้านข้างเคียงขออาหารมารับประทานเพื่อยังชีพนอกจากนี้จำเลยไม่สนใจปรนนิบัติดูแลโจทก์ ปล่อยให้โจทก์ต้องทนทุกข์ทรมานต่าง ๆ ในเวลาเจ็บป่วยการเข้าห้องส้วมห้องน้ำและการหลับนอน” คำบรรยายฟ้องดังกล่าวเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่าไม่ได้เอาใจใส่ในการให้อาหารโจทก์รับประทานและมิได้สนใจปรนนิบัติดูแลโจทก์ มิใช่กรณีตามบทบัญญัติของมาตรา 531(3) ที่บัญญัติว่า “ผู้รับได้บอกปัดยอมให้สิ่งของจำเลยเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้” ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าคำฟ้องโจทก์ดังกล่าวไม่เข้าเหตุที่จะเรียกถอนคืนการให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(3) จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน