คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่วินิจฉัยว่าการประทุษฐร้ายนั้นมีผลถึงทุพพลภาพหรือพิการไปจนตลอดชีวิตหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ลักษณะบาดแผลและอาการที่ปรากฏ และถือว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าบาดแผลไม่ถึงทุพพลภาพหรือทำให้เป็นคนพิการไปตลอดชีวิต โจทก์จะฎีกาว่าบาดแผลถึงสาหัสตาม ม.256 ข้อ 7 ดังนี้ ฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตาม ป. วิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
ถูกทำร้ายนิ้วชี้ชี้อยู่ตลอดชีวิตจะเป็นบาดแผลถึงสาหัสหรือไม่นั้นจะต้องพิจารณาว่าทำให้ทุพพลภาพหรือพิการไปตลอดชีวิตหรือไม่ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยใช้มีดฟันนายสวาทมีบาดแผล ๔ แห่ง บาดแผลที่ ๓ นั้นกระดูกนิ้วชี้ข้อกลางนิ้วขวาขาดแต่หนังยังติดอยู่ กระดูกนี้ต่อไปเดือนเศษรักษาดีติดกันได้ เมื่อติดกันแล้ว มือขวาก็ใช้การไม่ได้ตามปรกติ โดยนิ้วชี้ข้อกลางชี้อยู่ตลอดชีวิต
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า บาดแผลของนายสวาทไม่เข้าลักษณะบาดเจ็บสาหัสถึงทุพพลภาพ ทำให้เป็นคนพิการไปจนตลอดชีวิต แม้นิ้วมือข้างขวาใช้การไม่ได้ตามปรกติก็ตาม ก็ไม่ทำให้ถึงทุพพลภาพที่ทำให้เป็นคนพิการไปจนตลอดชีวิต คือเพียงนิ้วชี้พิการใช้การไม่ได้เท่านั้นไม่ถึงกับทำให้นายสวาทเป็นคนพิการไปด้วย จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลย ๑ ปีตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๔,๕๙
โจทก์ฎีกาว่า บาดแผลนายสวาทถึงสาหัสตามมาตรา ๒๕๖ ข้อ ๗ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าในการที่วินิจฉัยว่าการประทุษฐร้ายจะมีผลที่จะทำให้ผู้ถูกประทุษฐร้ายถึงความทุพพลภาพหรือพิการไปจนตลอดชีวิตหรือไม่ ย่อมต้องแล้วแต่ลักษณะบาดแผลและอาการที่ปรากฎ ซึ่งในเรื่องนี้ศาลล่างทั้ง ๒ ได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า บาดแผลนายสวาทที่ถูกทำร้ายไม่ถึงทุพพลภาพหรือทำให้เป็นคนพิการไปจนตลอดชีวิต จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงซึ่งโจทก์ฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตาม มาตรา ๒๑๘ ป. วิธีพิจารณาความอาญา จึงให้ยกฎีกาโจทก์

Share