คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5736/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ตายทั้งสองมีเรื่องไม่พอใจน้องชายจำเลยแต่กลับไปหาเรื่องกับจำเลยและชี้หน้าด่าแม่จำเลยเห็นว่าการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสองด้วยสาเหตุเพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการป้องกันสิทธิของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68แต่การที่ผู้ตายทั้งสองไปหาเรื่องกับจำเลยและชี้หน้าด่าแม่จำเลยนั้นถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสองในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,288, 33 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ ริบอาวุธปืนและหัวกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม,8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ลงโทษฐานมีอาวุธปืน ให้จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนจำคุก 1 ปีและฐานฆ่าผู้อื่น ให้ประหารชีวิต ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษฐานมีอาวุธปืนจำคุก 8 เดือน ฐานพาอาวุธปืน จำคุก 8 เดือน และฐานฆ่าผู้อื่นจำคุกตลอดชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52(1) เมื่อลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นแล้ว จึงไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดอื่นมารวมได้ ริบอาวุธปืนและหัวกระสุนปืนของกลาง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 68 และ 69ลงโทษจำคุก 9 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78แล้ว คงจำคุก 6 ปี เมื่อรวมกับโทษจำคุกฐานมีและพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว รวมเป็นโทษจำคุก 6 ปี กับ 16 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .38หมายเลขทะเบียน กท.744358 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 6 นัด ของนายล้อม อินทร์ทอง ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิง นายกระจาย พินิจ และนายวิรัตน์ ใจแผ้ว ถึงแก่ความตายมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นายวิโชค ใจแผ้ว น้องนายวิรัตน์ผู้ตาย นายประสพโชค ชนะคุ้มผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 และนายทวน แปะหลง พยานโจทก์เบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุนายวิรัตน์มีเรื่องทะเลาะกับนายวิชัยหรือเจ้งน้องจำเลย ถึงขนาดนายวิรัตน์พูดว่าจะฆ่านายวิชัยให้นายทวนฟัง แต่นายทวนกับนายประสพโชคได้ห้ามไว้ ครั้นนายวิชัยกลับไปแล้ว นายวิรัตน์กับนายกระจายเดินไปที่โต๊ะที่จำเลยนั่งนายทวนได้ยินนายวิรัตน์พูดว่า ไม่ได้น้องก็เอาพี่ ส่วนนายวิเชียร พรหมสุวรรณ พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่าได้ยินนายกระจายพูดขู่จำเลยว่าใครใหญ่พร้อมกับชี้หน้าด่าแม่จำเลยที่โจทก์ฎีกาว่า คำเบิกความของนายทวนและนายวิเชียรเพิ่งจะกล่าวอ้างยืนยันในชั้นศาลเพื่อช่วยเหลือจำเลยนั้น นายวิเชียรเบิกความว่า นายวิเชียรเป็นญาติกับนายวิรัตน์ผู้ตายโดยมีศักดิ์เป็นพี่ ส่วนนายทวนก็เบิกความว่าบิดาผู้ตายทั้งสองมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายทวนจึงฟังไม่ได้ว่านายทวนและนายวิเชียรเบิกความเพื่อช่วยเหลือจำเลยตามที่โจทก์ฎีกา แต่ที่นายทวนเบิกความว่านายวิรัตน์ตั้งท่าจะชักอาวุธปืนออกมาและนายวิเชียรเบิกความว่านายกระจายชักอาวุธปืนจะยิงจำเลยนั้นนายวิเชียรกลับเบิกความตอบโจทก์ถามติงว่า ผู้ตายทั้งสองจะมีอาวุธปืนจริงหรือไม่ไม่ทราบ นอกจากนี้พยานโจทก์ปากอื่นก็ไม่มีผู้ใดเห็นผู้ตายทั้งสองมีอาวุธปืนแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ตายทั้งสองมีอาวุธปืนที่จะใช้ยิงจำเลยและคงฟังได้แต่เพียงว่าผู้ตายทั้งสองมีเรื่องไม่พอใจน้องชายจำเลย แต่กลับไปหาเรื่องกับจำเลยและชี้หน้าด่าแม่จำเลย เห็นว่าการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสองด้วยสาเหตุเพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68แต่ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ผู้ตายทั้งสองไปหาเรื่องกับจำเลยและชี้หน้าด่าแม่จำเลยนั้นถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสองในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72 และเห็นว่าโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 กำหนดมานั้นเหมาะสมแล้วฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share