แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องที่โจทก์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินมาตรา 20 นั้น อาคารเช่าที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเรียกเก็บค่ากินเปล่าเป็น “เคหะ” หรือเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย เป็นองค์ประกอบอันเป็นสารสำคัญที่โจทก์จำเป็นต้องกล่าวบรรยายมาในฟ้อง ถ้าโจทก์ไม่บรรยายมา ฟ้องของโจทก์ก็ฟังลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าตึกแถวของจำเลย เมื่อสัญญาเช่าสิ้นอายุแล้วจำเลยเรียกให้โจทก์ชำระค่ากินเปล่าให้จำเลย 16,000 บาท จำเลยจึงจะยอมให้โจทก์เช่าตึกพิพาทต่อไป ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน มาตรา 20
ศาลอาญาไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ชั้นพิจารณา ศาลอาญาเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า ในฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏข้อความแห่งใดและไม่อาจแปลหรืออนุมานได้ว่าตึกแถวที่โจทก์ว่าจำเลยเรียกค่ากินเปล่าจากผู้เช่าเป็นเคหะตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ถ้าตึกแถวดังกล่าวนี้ไม่ใช่เคหะจำเลยก็เรียกเงินกินเปล่าได้ไม่ผิดกฎหมายพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคำว่า “เคหะ” หรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นองค์ประกอบอันเป็นสารสำคัญที่โจทก์จำเป็นจะต้องกล่าวบรรยายมาในฟ้องให้ปรากฏว่า ตึกเช่าที่จำเลยเรียกเก็บค่ากินเปล่าจากผู้เช่าเป็นเคหะหรือเป็นที่อยู่อาศัยเพราะจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของตึกเช่ามีสิทธิที่จะเรียกเงินกินเปล่าจากผู้เช่าตึกที่ไม่ใช่เคหะ หรือมิใช่เป็นที่อยู่อาศัยได้โดยไม่มีกฎหมายห้ามเมื่อคดีนี้โจทก์ไม่บรรยายไว้ ฟ้องของโจทก์ก็ไม่อาจฟังลงโทษจำเลยได้
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์