คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5727/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่าไม่เคยทำสัญญายินยอมให้ที่ดินเป็นทางสาธารณประโยชน์ โดยอ้างว่าแม้ลายมือชื่อในสัญญาจะเป็นลายมือชื่อของจำเลยแต่จำเลยก็ไม่ได้ยินยอมให้โจทก์พิมพ์ข้อความที่ปรากฏลงในสัญญา ดังนั้น ที่จำเลยนำสืบว่าลายมือชื่อผู้ให้สัญญาไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย จึงเป็นการนำสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้ การที่จำเลยตกลงยอมให้ที่ดินเป็นทางสาธารณะ ที่ดินนั้นย่อมตกเป็นทางสาธารณะทันที ส่วนการจดทะเบียนเป็นทางสาธารณะเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่จะดำเนินการ ศาลไม่อาจบังคับให้เจ้าพนักงานซึ่งมิใช่คู่ความดำเนินการจดทะเบียนที่ดินนั้นให้เป็นทางสาธารณะได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาให้โจทก์ใช้ที่ดินโฉนดเลขที่ 6868 และ 6869 เป็นถนนสาธารณะ โดยจำเลยสัญญาว่าจะจดทะเบียนอนุญาตให้โจทก์กับพวกใช้เดินเป็นถนนสาธารณะภายในกำหนด 4 ปี โจทก์จึงตกลงซื้อที่ดินจากจำเลย ต่อมาจำเลยได้สร้างบ้านบนที่ดินที่ให้ใช้เป็นถนนนั้นและไม่ไปจดทะเบียน ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 6868 และ 6869และให้จำเลยจดทะเบียนที่ดินดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะ
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาดังกล่าวให้แก่โจทก์ แม้ลายมือชื่อในสัญญาจะเป็นลายมือชื่อของจำเลย แต่จำเลยก็ไม่ได้ยินยอมให้โจทก์พิมพ์ข้อความในสัญญานั้นขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 6868 และ 6869 ของจำเลย โดยทำเป็นรูปถนนตามเดิมและให้จำเลยจดทะเบียนที่ดินทั้งสองโฉนดดังกล่าวเป็นทางสาธารณะ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่เคยทำสัญญาเอกสารหมาย จ.4 ให้แก่โจทก์ โดยอ้างว่าแม้ลายมือชื่อในสัญญาจะเป็นลายมือชื่อของจำเลย แต่จำเลยก็ไม่ได้ยินยอมให้โจทก์พิมพ์ข้อความที่ปรากฏในสัญญาลงในสัญญา ในชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบปฏิเสธลอย ๆ ว่าไม่ได้ทำสัญญาเอกสารหมาย จ.4 ส่วนลายมือชื่อผู้ให้สัญญาในสัญญาเอกสารหมาย จ.4 ไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย ในข้อที่จำเลยนำสืบว่าลายมือชื่อผู้ให้สัญญาในเอกสารหมาย จ.4 ไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย จึงเป็นการนำสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้ฟังได้ว่า จำเลยได้ตกลงทำสัญญาเอกสารหมาย จ.4 กับโจทก์จริงจำเลยจึงต้องถูกผูกพันที่จะปฏิบัติตามสัญญา ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนที่ดินทั้งสองโฉนดดังกล่าวเป็นทางสาธารณะและศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษายืนนั้น เห็นว่า การที่จำเลยตกลงยอมให้ที่ดินทั้งสองโฉนดดังกล่าวเป็นทางสาธารณะ ที่ดินนั้นก็ตกเป็นทางสาธารณะทันทีการจดทะเบียนเป็นทางสาธารณะเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่จะดำเนินการ ศาลย่อมไม่อาจสั่งบังคับให้เจ้าพนักงานซึ่งมิใช่คู่ความดำเนินการจดทะเบียนที่ดินนั้นให้เป็นทางสาธารณะได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ให้จำเลยจดทะเบียนที่ดินทั้งสองโฉนดเป็นทางสาธารณะเสีย

Share