คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5723/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับโดยมีนาง ก.ภรรยาจำเลยเป็นผู้กรอกวัน เดือน ปี และจำนวนเงินในเช็คดังกล่าวด้วยความยินยอมเห็นชอบของจำเลย กรณีต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ออกเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบนำเช็คไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ฟ้องของโจทก์ทั้งสองสำนวนไม่ได้ขอให้พิพากษานับโทษของจำเลยติดต่อกัน จึงนับโทษติดต่อกันให้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติเช็คฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติเช็คฯ มาตรา 3,ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 4 กรรม ลงโทษจำคุก กรรมละ 3 เดือนให้นับโทษต่อกัน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยจะลงลายมือชื่อในสมุดเช็คของจำเลย แล้วให้นางกนกพรเก็บไว้ใช้ในการเล่นแชร์โดยนางกนกพรจะเป็นผู้กรอกข้อความต่าง ๆ ในเช็คเอง ซึ่งรวมทั้งเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับด้วยนั้น คงมีแต่ตัวจำเลยเบิกความกล่าวอ้างขึ้นมาลอย ๆ เพียงลำพัง โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดสนับสนุน ทั้งยังขัดต่อเหตุผล เพราะการลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คโดยไม่กรอกข้อความมอบให้ภรรยาไว้คราวละหลาย ๆ ฉบับย่อมเสี่ยง ต่อความเสียหายเนื่องจากอาจจะมีผู้ได้เช็คนั้นไปโดยไม่ชอบแล้วกรอกข้อความอันทำให้จำเลยอาจจะต้องรับผิดตามข้อความในเช็คนั้นได้นอกจากนี้เมื่อตอบคำถามค้านของทนายโจทก์ จำเลยก็เบิกความว่านางกนกพรมีเช็คของตัวเอง ดังนั้น ในการเล่นแชร์นางกนกพรก็น่าจะใช้เช็คของตัวเอง หาจำต้องให้จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คโดยไม่มีข้อความอื่นให้ไว้คราวละหลาย ๆ ฉบับไม่ ข้อนำสืบของจำเลยดังกล่าวมาจึงไม่น่าเชื่อถือ และโดยที่ได้ความจากคำเบิกความของจำเลยว่า โรงพิมพ์จำเลยซื้อกระดาษจากห้างหุ้นส่วนจำกัดบรรเจิดไพบูลย์ ในระยะ 3 ปีมานี้ กิจการโรงพิมพ์ของจำเลยซบเซาและปรากฏจากคำแก้ฎีกาของจำเลยยอมรับว่า นางกนกพรนำเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับไปกรอกข้อความโดยพละการแล้วนำไปชำระหนี้ให้โจทก์ประกอบกับเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับนอกจากจะมีนางกนกพรลงชื่อสลักหลังแล้ว ยังมีดวงตราของห้างหุ้นส่วนจำกัดบรรเจิดไพบูลย์ประทับอยู่ด้วย พยานหลักฐานดังกล่าวจึงเจือสมกับข้อนำสืบของโจทก์ที่ว่าเดิมนายสุทัศน์ บรรเจิดไพบูลย์ นำเช็คของจำเลยมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ ต่อมาเมื่อเช็คดังกล่าวขึ้นเงินไม่ได้ นางกนกพรจึงได้นำเช็คของจำเลยมาเปลี่ยน 2 ครั้ง ครั้งสุดท้ายคือเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับ ซึ่งเช็คดังกล่าวก็สืบเนื่องมาจากการที่จำเลยหรือนางกนกพรภรรยาจำเลยได้ซื้อกระดาษจากนายสุทัศน์ บรรเจิดไพบูลย์หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดบรรเจิดไพบูลย์ไปใช้ในกิจการโรงพิมพ์ของจำเลยนั่นเอง ที่จำเลยอ้างว่านางกนกพรนำเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับไปกรอกข้อความเอาเองโดยพละการจึงไม่มีเหตุผลที่จะรับฟังได้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่านางกนกพรได้กรอกวันเดือนปี และจำนวนเงินในเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับด้วยความยินยอมหรือเห็นชอบของจำเลย แม้จำเลยจะเป็นผู้เพียงแต่ลงลายมือชื่อในเช็คนั้นก็ตาม ในกรณีเช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ออกเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยออกเช็คพิพาทโดยไม่ลงวันเดือนปีที่ออกเช็ค ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คและพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 การกระทำของจำเลยแต่ละสำนวนเป็นความผิดสำนวนละ 2 กรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 สำนวนแรกจำคุกกรรมละ 3 เดือนรวมจำคุก 6 เดือน สำนวนหลังจำคุกกรรมละ 3 เดือน รวมจำคุก 6 เดือนฟ้องของโจทก์ทั้งสองสำนวนไม่ได้ขอให้พิพากษานับโทษของจำเลยติดต่อกัน จึงนับโทษติดต่อกันให้ไม่ได้

Share