แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต โดยกล่าวในฟ้องว่าประกาศของกระทรวงเกษตรได้คัดสำเนาปิดไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการกำนันและที่สาธารณะแล้วนั้น เป็นฟ้องที่ชอบด้วย วิ.อาญา ม.158 แล้ว ไม่จำเต้องมีสำเนาประกาศแนบมาท้ายฟ้องด้วย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้และค้าไม้แปรรูป จำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการ ใบอนุญาตหมดอายุในวันที่ ๓๑ ธ.ค.๙๗ จำเลยที่ ๑ ได้ขอต่ออายุและในระหว่างพิจารณาใบอนุญาตจำเลยได้รับอนุญาตให้ทำการแปรรูปไม้ชั่วคราวไม่เกิน ๓๐ วัน วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๔๙๘ จำเลยสมคบกันแปรรูปไม้หวงห้ามและมีไม้แปรรูปไว้ไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษ
จำเลยต่อสู้และตัดฟ้องว่าโจทก์เคลือบคลุมโดยไม่แจ้งวันเดือนปีที่ปิดประกาศกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้กับไม่ได้คัดสำเนาประกาศแนบท้ายฟ้อง
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่าประกาศกระทรวงเกษตรไม่ใช่ ก.ม. โจทก์ต้องคัดสำเนามาท้ายฟ้อง มิฉะนั้นย่อมเคลือบคลุม พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ตาม วิ.อาญา ม.๑๕๘ แล้ว เพราะเรื่อง พ.ร.ฏ.และประกาศของกระทรวงเกษตรโจทก์ได้กล่าวในฟ้องว่าได้คัดสำเนาประกาศปิดไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอที่ว่าการกำนัน และที่สาธารณะแล้ว จึงพิพากษายืน.