คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5712/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป. ขับรถยนต์บรรทุกซึ่งบรรทุกมันสำปะหลังเต็มคันรถแล่นเข้าไปในถนนของโจทก์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นถนนลาดยางแอสฟัลติคคอนกรีต บางแห่งมีหลุม บางแห่งมีน้ำขังอยู่ ซึ่งน่าจะรู้ว่าหากขับรถแล่นผ่านเข้าไปอาจทำให้ถนนได้รับความเสียหาย เมื่อแล่นเข้าไปเป็นเหตุให้รถติดหล่มเพราะถนนทรุดลง การกระทำของ ป.จึงเป็นการประมาทเป็นเหตุให้ถนนของโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ การที่ ป. ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างของจำเลยแม้จะขับออกนอกเส้นทางที่เคยขับ แต่เมื่อยังอยู่ในเวลาทำงานในทางการที่จ้าง ซึ่งหาก ป. ขับรถผ่านไปได้ ย่อมสมความประสงค์ของจำเลย เช่นนี้จำเลยต้องรับผิดร่วมกับ ป. ในผลแห่งการที่ ป. ทำละเมิดต่อโจทก์ด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกมันสำปะหลังมีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดในทางการที่จ้างของจำเลยและเข้าไปในถนนซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาและรับผิดชอบของโจทก์ เป็นเหตุให้ถนนดังกล่าวเสียหาย ซึ่งจำเลยต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน 20,250 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ลูกจ้างของจำเลยขับรถคันเกิดเหตุมีน้ำหนักบรรทุกไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้ขับรถคันนั้นในทางการที่จ้างของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 20,250 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่นายประยงค์ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อซึ่งบรรทุกมันสำปะหลังของจำเลยเต็มคันรถแล่นเข้ามาในถนนของโจทก์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นถนนลาดยางแอสฟัลติคคอนกรีตและบางแห่งมีหลุม บางแห่งมีน้ำขังอยู่ ซึ่งน่าจะรู้ว่าหากรถแล่นเข้าไปอาจทำให้ถนนได้รับความเสียหายได้ และจำเลยไม่ได้สืบหักล้างแต่อย่างใด แม้ถนนดังกล่าวจะไม่มีป้ายห้ามไม่ให้รถยนต์บรรทุกแล่นผ่านก็ตาม เมื่อแล่นเข้ามาเป็นเหตุให้รถติดหล่มไม่สามารถแล่นต่อไปได้ โดยก่อนที่รถจะติดหล่มดังกล่าวได้ความว่าสภาพถนนบริเวณนั้นยังดีอยู่ รถติดหล่มเพราะถนนทรุดลง แสดงว่ารถที่นายประยงค์ขับมีน้ำบรรทุกมากเกินขนาดที่ถนนจะรับน้ำหนักรถดังกล่าวได้ การกระทำของนายประยงค์จึงเป็นการประมาทเป็นเหตุให้ถนนของโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ สำหรับปัญหาว่าจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างของนายประยงค์จะต้องรับผิดร่วมด้วยหรือไม่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายประยงค์เป็นลูกจ้างของจำเลยได้ขับรถยนต์บรรทุกมันสำปะหลังไปส่งที่กรุงเทพมหานครตามทางการที่จ้าง แม้นายประยงค์จะขับรถออกนอกเส้นทางที่เคยขับก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างเวลาที่นายประยงค์ทำงานตามทางการที่จ้าง หากนายประยงค์ขับรถผ่านไปได้ ย่อมสมความประสงค์ของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดร่วมกับนายประยงค์ด้วย
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share