คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8(ก) วรรคสอง(9) นั้นเมื่อจำเลยเป็นคนไทยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์นอกประเทศ ผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษแล้ว จำเลยจึงต้องรับโทษในราชอาณาจักรและในคำฟ้องก็ไม่ต้องอ้างกฎหมายอาญาของประเทศที่จำเลยไปกระทำผิด กับโจทก์ไม่จำต้องนำสืบกฎหมายต่างประเทศ
จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ส่งประเด็นไปสืบตำรวจพม่า 3 คน ณประเทศพม่า หรือ ณ สถานทูตประเทศพม่าและร้อยตำรวจเอกจำนงเบิกความประกอบยืนยันในคำให้การตำรวจเหล่านั้น ย่อมไม่มีน้ำหนักอะไร นั้น เป็นฎีกาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจำคุกไม่เกิน 5 ปีจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2506 จำเลยลักธนบัตรของนางปิงไป 1,000 บาท ในการนี้เพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์และยึดถือเอาทรัพย์จำเลยใช้เหล็กท่อนตีทำร้ายร่างกายนางปิงได้รับอันตรายบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ตำบลท่าขี้เหล็ก อำเภอท่าขี้เหล็กจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า เจ้าพนักงานจับจำเลยได้ขณะวิ่งหนีเข้ามาในประเทศไทย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ริบเหล็กของกลางกับให้คืนหรือใช้เงินแก่เจ้าทรัพย์

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 339 จำคุก 5 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 1,000 บาท คำขออื่นยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 8(ก) วรรค 2(9)นั้น เมื่อจำเลยเป็นคนไทย นางปิงผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษตามกฎหมายแล้ว ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 ฉะนั้น จำเลยจึงต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร และตามมาตรา 8 ดังกล่าวก็มิได้บัญญัติว่าในคำฟ้องต้องอ้างอิงกฎหมายอาญาของประเทศที่จำเลยไปกระทำความผิดดังนั้น ฟ้องคดีนี้จึงสมบูรณ์มิได้ขาดสารสำคัญ และโจทก์ไม่จำต้องนำสืบกฎหมายต่างประเทศ ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ไม่ส่งประเด็นไปสืบตำรวจพม่า 3 คน ณ ประเทศพม่าหรือ ณ สถานทูตประเทศพม่า และร้อยตำรวจเอกจำนงเบิกความประกอบยืนยันในคำให้การตำรวจเหล่านั้นย่อมไม่มีน้ำหนักอะไร นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่าง จำคุกไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 พิพากษายืน

Share