แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คนต่างด้าวเป็นโจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทและขอให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ ถ้าไม่สามารถโอนได้ก็ให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ได้ทดรองจ่ายไป ดังนี้ ศาลจะพิพากษายกฟ้องเสียทีเดียวโดยเห็นว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวไม่ปรากฎว่าได้รับอนุญาตให้ยึดถือที่พิพาทได้นั้นยังไม่ชอบเพราะ พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 นั้นหาใช่เป็นกฎหมายที่ห้ามคนต่างด้าวมิให้เป็นเจ้าของที่ดินเสียทีเดียวไม่เป็นแต่ว่าจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อนเท่านั้น ซึ่งถ้าโจทก์ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่ง ก.ม.นั้นแล้ว ก็ย่อมบังคับได้ หรือก็มีทางบังคับทางคืนเงินตามที่โจทก์ได้ขอมาด้วยท้ายฟ้องอีกวิธีหนึ่ง ฉะนั้นศาลชอบที่จะพิจารณาฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนจนสิ้นกระแสร์ความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทหมาย ก.ข.ค.เป็นของโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง กับให้จำเลยโอนนาหมาย ค.ให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถโอนเฉพาะที่สวนหมาย ก.ได้ ก็ให้จำเลยคืนเงิน ๒๐๐ บาท กับทองคำหนัก ๕ บาทซึ่งโจทก์ได้ทดรองไปในการไถ่ที่หมาย ก.รวมเป็นเงิน ๒๙๕๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวจะเป็นเจ้าของที่ดินได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานที่ตาม พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกดี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.๒๔๘๖ เรื่องนี้ไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้รับอนุญาตให้ยึดถือที่พิพาทรายนี้ได้ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ก.ม ที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นมาอ้างนั้นหาใช่เป็นบทห้ามคนต่างด้าว มิให้เป็นเจ้าของที่ดินเสียทีเดียวไม่ เป็นแต่ว่าจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อนเท่านั้น ในคดีนี้ถ้าข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามฟ้องโจทก์และโจทก์ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งกฎหมายนั้นแล้ว ก็ย่อมบังคับได้ หรือมิฉะนั้นก็มีทางที่จะบังคับทางคืนเงินตามที่โจทก์ได้ขอมาท้ายฟ้องอีกวิธีหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยเหตุดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาถึงข้อเท็จจริงแห่งคดีต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ