แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทย์ฟ้องขับไล่จำเลย โดยอ้างว่าจำเลยอาศัยโจทก์อยู่ คดีจึงพิพาทกันเพียงว่าจำเลยอาศัยโจทก์จริงหรือไม่ แม้จำเลยจะอ้างว่าเป็นสามีโจทก์ ก็ไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนไป ไม่ใช่คดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
โจทก์จำเลยมิได้เป็นสามีภริยากันโดยชอบ โจทก์เช่าตึกพิพาทโดยลำพัง มิได้เป็นตัวแทนจำเลย และจำเลยเคยรับว่าอาศัยโจทก์อยู่จำเลยจึงไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของร่วมในสิทธิการเช่ารายนี้
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ได้ทำหนังสือหย่าขาดจากกันแล้ว โจทก์เช่าตึกจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนระมหากษัตริย์อยู่ จำเลยมาขออาศัย ต่อมาจำเลยข่มเหงโจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไปก็เพิกเฉยเสีย จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า จะได้เคยทำหนังสือหย่ากับโจทก์หรือไม่ จำไม่ได้ แต่ขณะทำสัญญาเช่าตึกพิพาทนั้น โจทก์จำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยากัน จำเลยไม่ได้อาศัยโจทก์ โจทก์ลงชื่อเป็นผู้เช่าในฐานะเป็นผู้แทนจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์โดยมีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรับรองให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า โจทก์จำเลยเคยเป็นสามีภริยากันโดยชอบ ต่อมาได้หย่าขาดจากกันแล้วกลับคืนดีกันอีก แต่มิได้จดทะเบียนสมรส ระหว่างอยู่กินกันครั้งหลังนี้โจทก์เป็นผู้เช่าตึกรายพิพาท จำเลยสืบไม่สมว่าโจทก์เป็นตัวแทนจำเลยในการเช่า จำเลยเคยให้การรับชั้นสอบสวนว่าอาศัยโจทก์อยู่ ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยข้อ ก.ม.ว่า ( ๑ ) คดีนี้ไม่เป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ เพราะคดีพิพาทกันเรื่องจำเลยอาศัยโจทก์จริงหรือไม่ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่อ้างว่าเป็นสามีโจทก์ไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนไป ( ๒ ) โจทก์เป็นผู้เช่าตึกพิพาทโดยลำพังมิได้เป็นตัวแทนจำเลย จำเลยเคยให้การว่าอาศัยโจทก์อยู่ ที่จำเลยอ้างว่าเป็นเจ้าของร่วมในสิทธิการเช่าตึกพิพาท จึงฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน