คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสมคบกันเพื่อกระทำร้ายผู้หนึ่ง จำเลยคนหนึ่งได้ทำร้ายผู้อื่นที่มาขัดขวางและเป็นการต่อสู้กันตัวต่อตัวโดยจำเลยอื่นมิได้เกี่ยวข้อง ดังนี้จำเลยอื่น ๆ นั้นไม่มีผิดฐานเป็นตัวการทำร้ายร่างกายด้วย เพราะเจตนาเดิมของจำเลยมิได้มุ่งจะทำร้ายบุคคลนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวก ๗-๘ คนมีสาตราวุธบุกรุกเข้าไปในเคหะสถาน และใช้ไม้ตะพดตีนางปุ้ยมีบาดเจ็บ และใช้ปืนยิงนางปุ้ย นายอ้นแต่กะสุนปืนไม่ถูกผู้ใด ศาลชั้นต้นพิจารณาได้ความว่าจำเลยมีสาเหตุกับนายอ้น จึงบุกรุกเข้าไปเพื่อทำร้ายนายอ้นนางปุ้ยภริยานายอ้นออกไปปะทะ พวกจำเลยได้ใช้ไม้ตีสีรสะนางปุ้ยมีบาดแผล ๑ แห่งและมีเสียงปืนยิง แต่ไม่ถูกผู้ใด ศาลชั้นต้นเห็นว่าลงโทษสถานพยายามฆ่าคนไม่ได้ แต่ถึงจะไม่ได้ความว่าจำเลยคนใดตีนางปุ้ย ก็ลงโทษได้เพราะจำเลยมาด้วยกัน จึงพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑-๒ ตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๕๔,๓๒๙ จำคุกคนละ ๖ เดือน จำเลยที่ ๓ ให้ปล่อย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยทั้ง ๒ นี้ เป็นผู้ทำร้ายนางปุ้ยและเจตนาเดิมของพวกนี้ก็มิใช่เพื่อทำร้ายนางปุ้ย เมื่อพวกของจำเลยคนหนึ่งไปทำการนอกขอบเขตเจตนาเดิมเช่นนี้ จึงลงโทษจำเลยที่ ๑ -๒ ฐานเป็นตัวการทำร้ายนางปุ้ยไม่ได้ สำหรับจำเลยที่ ๒ ถึงจะไม่ได้อุทธรณ์ขึ้นมา แต่เป็นเหตุในส่วนลักษณะคดีย่อมวินิจฉัยถึงได้จึงพิพากษาแก้ให้ยกมาตรา ๒๕๔ ที่ลงโทษจำเลยที่ ๑-๒ เสีย คงจำคุกคนละ ๓ เดือนตามมาตรา ๓๒๙
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความว่าพวกจำเลยมีสาเหตุโดยเฉพาะกับนายอ้น มิได้มุ่งทำร้ายนางปุ้ยด้วยส่วนการที่พวกของจำเลยคนหนึ่งไปทำร้ายนางปุ้ยนั้น ได้ความว่าเป็นการต่อสู้กันตัวต่อตัว ทั้งนายอ้นก็ให้การว่าจำเลยที่ ๑-๒ นี้มิได้เกี่ยวข้องทำร้ายนางปุ้ยด้วย ฉนั้นที่ศาลอุทธรณ์ไม่ลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานทำร้ายร่างกายนางปุ้ยชอบแล้ว จึงพิพากษายืน

Share