คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5681/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 65 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ฐานผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษฐานผลิตซึ่งมีโทษ หนักที่สุด ให้จำคุกตลอดชีวิต ลงโทษฐานจำหน่าย จำคุก 5 ปี ลดโทษหนึ่งในสามแล้ว ฐานผลิตเมทแอมเฟตามีน จำคุก 33 ปี 4 เดือน ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 3 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีน แต่มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เช่นนี้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดทั้งสองข้อหาตรงกันกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่ศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและ ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษในความผิดฐานนี้ ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงมีการแก้ไขเฉพาะโทษซึ่งถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ส่วนความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น ความผิดทั้งสองฐานศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกินห้าปี จึงเป็นคดีต้องห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่าไม่ได้กระทำผิดเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๑ เวลากลางวันจำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนอันเป็น ยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ โดยการแบ่งบรรจุใส่หลอดกาแฟพลาสติก จำนวน ๑๓ หลอด หลอดละ ๑ เม็ด รวม ๑๓ เม็ด น้ำหนัก ๑.๐๙ กรัม ไว้เพื่อจำหน่ายและร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายโดยขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๓ หลอด รวม ๓ เม็ด อันเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสองผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปในราคา ๒๔๐ บาท อันเป็นการฝ่าฝืน ต่อกฎหมาย เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมเงินสด ๒๔๐ บาท ซึ่งจำเลยทั้งสองได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการจำหน่ายจำนวน ๑๐ หลอด รวม ๑๐ เม็ด หลอดกาแฟ ตัดสั้นเป็นท่อน ๆ จำนวน ๖ ท่อน ไฟแช็ก ๑ อัน ซึ่งจำเลยทั้งสองร่วมกันมีไว้และใช้กระทำผิดดังกล่าว และยึดได้ เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายให้สายลับผู้ล่อซื้อจำนวน ๓ หลอด เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๕, ๖๖, ๖๗, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๓๓, ๘๓, ๙๑ ริบของกลางและคืนเงินสดจำนวน ๒๔๐ บาท ที่ใช้ล่อซื้อให้แก่เจ้าของ
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและข้อหาร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แต่ให้การปฏิเสธในข้อหาร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ฐานผลิตและฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานผลิตตามมาตรา ๖๕ วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้จำคุกตลอดชีวิต จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบ มาตรา ๕๓ คงจำคุกคนละ ๓๓ ปี ๔ เดือน ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุกคนละ ๕ ปี จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพใน ชั้นจับกุม จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ ๑ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๓ ปี ๔ เดือน ลดโทษให้จำเลยที่ ๒ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒ ปี ๖ เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๓๖ ปี ๘ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๓๕ ปี ๑๐ เดือน ริบของกลาง และคืนเงินสด ๒๔๐ บาท ที่ใช้ล่อซื้อ แก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง , ๖๖ วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ ๕ ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ ๕ ปี รวมจำคุกคนละ ๑๐ ปี จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณา เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ ๑ หนึ่งในสาม ส่วนจำเลยที่ ๒ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๖ ปี ๘ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๕ ปี ข้อหาอื่นให้ยก นอกจาก ที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง ฐานผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานผลิตซึ่งมีโทษหนักที่สุด ให้จำคุกตลอดชีวิต ลงโทษฐานจำหน่าย จำคุก ๕ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามด้วยเหตุบรรเทาโทษแล้ว ฐานผลิตเมทแอมเฟตามีน จำคุก ๓๓ ปี ๔ เดือน ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก ๓ ปี ๔ เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ ไม่มีความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีน แต่มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เช่นนี้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดทั้งสองข้อหาตรงกันกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นการที่ศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษในความผิดฐานนี้ ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงมีการแก้ไขเฉพาะโทษซึ่งถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ส่วนความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น ความผิดทั้งสองฐานศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกินห้าปี จึงเป็นคดีต้องห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ว่าไม่ได้กระทำผิดเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยที่ ๑ มานั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ ๑

Share