คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อข้อเท็จจริงในคดีปรากฏว่า ข้อหาความผิดฐานบุกรุกกับข้อหาความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องกันและเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน การที่ได้ร้องทุกข์ในข้อหาความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์แล้วก็เท่ากับได้ร้องทุกข์ในข้อหาความผิดฐานบุกรุกด้วย เมื่อมีการสอบสวนในความผิดทั้งสองข้อหานี้แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องทั้งสองข้อหา และศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดฐานบุกรุกได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 2 กันยายน 2531 เวลากลางวันถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2531 เวลากลางวันและเวลากลางคืนต่อเนื่องกันจำเลยกระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ จำเลยได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินของนายไพสิษฏ์ ลิ้มสถายุรัตน์ ผู้เสียหาย เพื่อถือการครอบครองบางส่วน โดยปลูกต้นถั่วฝักยาวทำประโยชน์ในที่ดินอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุขและจำเลยได้ฉีดยาฆ่าต้นยางพาราซึ่งปลูกในที่ดินดังกล่าว เป็นเหตุให้ต้นยางพาราตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 362,365, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และ 362 ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 358 ซึ่งเป็นบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 1 ปี คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่า ข้อหาความผิดฐานบุกรุกกับข้อหาความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องกัน และเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน การที่ได้ร้องทุกข์ในข้อหาความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์แล้วก็เท่ากับได้ร้องทุกข์ในข้อหาความผิดฐานบุกรุกด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่ามีการสอบสวนในความผิดทั้งสองข้อหานี้แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องทั้งสองข้อหาความผิด และศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดฐานบุกรุกได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share