แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำรับสารภาพของจำเลยในคดีอาชญา ไม่เป็นเหตุให้ศาลรับฟังเสมอไป
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่า จ.จำเลยจะทำศพมารดาแลต้องการจุดตะไลเพื่อทดลอง จึงบอกให้เด็กชายจี๊ดจำเลยจุด+แรกตกน้ำดอกที่ ๒ ขึ้น แลปรากฎว่าหมู่บ้านในเขตต์ที่จุดนั้นต้องอัคคีภัยเสียหาย จ.แลพ.ได้รับบาดเจ็บ
ในชั้นไต่สวนแลตามรายงานพิจารณาที่ศาลเดิมสอบถามเนื่องจากจำเลยขอประกันเด็กชายจี๊ดรับว่าได้จุดตะไลเป็นเหตุให้เพลิ่งไหม้บ้านเรือนขึ้น แต่ศาลล่างทั้ง ๒ ไม่เชื่อว่าไฟนั้นเกิดจากตะไล โดยเชื่อว่าเกิดจากครัวของ จ. แล้วลุกลามไปไหม้ที่อื่น บังเอิญประจวบกับเวลาที่จำเบยจุดตะไล จึงให้ปรับจำเลยตามกฎหมายลักษณอาชญามาตรา ๓๓๕ ข้อ ๔ แลตามประกาศเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยเรื่องห้ามจุดประทัด ฯลฯ ในหมู่บ้านพ.ศ.๒+๖๘ ส่วนเด็กชายจี๊ดอายุ ๑๓ ปีให้ว่ากล่าวปล่อยตัวไป
โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายขึ้นมาเช่นเดียวกันในชั้นอุทธรณ์ว่าศาลไม่วินิจฉัยถึงคำให้การรับสรภาพของเด็กชายจี๊ดในชั้นไต่สวน แลชั้นศาล
ศาลฎีกาเห็นว่าคำรับสารภกาพชั้นไต่สวนก็ดี ชั้นศาลก็ดีตามวิธีพิจารณาไม่ถือเป็นเหตุลงโทษได้เสมอไป เช่นในคดีอุกฉกรรจ์ แม้จำเลยรับสารภาพก็ยังต้องมีพะยานประกอบ เพราะคำรับอาจไม่เป็นความจริงก็ได้ ฉะนั้นคำรับสารภาพของจำเลยในคดีอาชญาไม่เป็นเหตุให้ศาลรับฟังเสมอไป คดีนี้ศาลล่างไม่รับฟังคำรับสารภาพชั้นไต่สวนของเด็กชายจี๊ดโดยมีเหตุผลแลตามคำให้การชั้นพิจารณาเด็กชายจี๊ดก็ปฏิเสธว่าที่ให้การต่ออำเภอ แลเมื่อศาลสอบถามเพื่อสั่งประกันไม่เป็นความจริง แลที่โจทก์ว่าถ้าฟังคำให้การชั้นไต่สวนแลชั้นศาลแล้วคดีพอลงโทษได้ เห็นว่าการฟังหรือไม่ยอมอยู่ในดุลยพินิจของศาล แลศาลล่างไม่ฟังโดยมีเหตุผลดังกล่าวแล้วจึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์