แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเลิกจ้างจะเป็นธรรมหรือไม่ มิใช่อยู่ที่วิธีการบอกกล่าวเลิกจ้าง ถ้านายจ้างเลิกจ้างโดยมีเหตุเพียงพอแล้ว แม้วิธีการบอกกล่าวเลิกจ้างจะมิชอบ ก็หาทำให้กลายเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมไม่ เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ มิได้บอกกล่าวล่วงหน้า แต่ได้จ่ายค่าจ้างเพิ่มให้อีก 1 เดือน เงินจำนวนนี้ เป็นเงินที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เมื่อเลิกจ้างและโจทก์ไม่ได้ทำงาน กับจำเลยแล้วจึงไม่ใช่ค่าจ้าง ถือได้ว่าการจ่ายเงินดังกล่าวเป็นการ จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า แม้จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ก่อนถึงกำหนดจ่ายค่าจ้าง 13 วัน แต่โจทก์มีคำขอให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้าง 1 เดือน และโจทก์ได้รับเงินจำนวนนี้ไปแล้ว จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลย อีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ขอให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหายและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นลูกจ้างชั่วคราว เมื่องานหมดโครงการจำเลยไม่ได้จ้างโจทก์ต่อไป โจทก์ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง และไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินใด ๆ จากจำเลย
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การเลิกจ้างจะเป็นธรรมหรือไม่ มิใช่อยู่ที่วิธีการบอกกล่าว เพราะถ้านายจ้างเลิกจ้างโดยมีเหตุเพียงพอดังศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยแล้ว แม้วิธีการบอกกล่าวเลิกจ้างจะมิชอบก็หาทำให้การเลิกจ้างทั้งที่มีเหตุเพียงพอแล้วนั้นกลายเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมไม่
เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์นั้นจำเลยมิได้บอกกล่าวให้โจทก์ทราบล่วงหน้าโดยจำเลยได้จ่ายเงินให้แก่โจทก์รับไปแล้วรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 15,408 บาท ซึ่งตามหลักฐานการจ่ายเงินดังกล่าวรายการสุดท้ายระบุว่า ให้เงินเดือนเพิ่มไปอีก1 เดือนหลังเลิกจ้างเป็นเงิน 9,549 บาท เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เมื่อเลิกจ้างและโจทก์มิได้ทำงานให้กับจำเลยแล้ว ย่อมมิใช่ค่าจ้าง จึงถือได้ว่าการจ่ายเงินดังกล่าวเป็นการจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์แล้วแม้จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2530 ก่อนถึงกำหนดการจ่ายค่าจ้างเมื่อสิ้นเดือนเป็นการจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าที่ไม่ครบจำนวนจึงยังขาดอยู่ 13 วัน แต่เมื่อโจทก์มีคำขอให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 9,549 บาท และโจทก์ได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 9,549 บาทไปตามที่โจทก์ขอแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินจำนวนนี้จากจำเลยอีก
พิพากษายืน