คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5668/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาทั้งสองสำนวนโดยสรุปว่า ศาลอุทธรณ์มิได้หักเงินค่าจ้างทนายความและค่าใช้จ่ายในการร้องขอจัดการมรดกของ ป. จำนวน 6,000 บาท และค่าใช้จ่ายและค่าจ้างทนายความในคดีทั้งสองสำนวนเป็นเงิน 250,000 บาท รวมเป็นเงิน 256,000 บาท ออกจากเงินที่โจทก์ทั้งสองและจำเลยจะพึงได้รับ เป็นฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ว่ามีค่าใช้จ่ายและค่าจ้างทนายความที่จะต้องนำมาหักออกจากเงินที่จะนำมาแบ่งแก่โจทก์ทั้งสองและจำเลย เมื่อคดีทั้งสองสำนวนมีราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาแต่ละสำนวนไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน

โจทก์ทั้งสองฟ้องมีใจความทำนองเดียวกันว่า จำเลยซึ่งเป็นพี่โจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของนายเป๋าตามคำสั่งศาล จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเป๋าตามคำสั่งศาลได้ขายที่ดินมรดกโฉนดเลขที่ 87156 แขวงประเวศ เขตพระโขนงกรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 53 ตารางวา ไปในราคา 7,500,000 บาท โดยอ้างว่านำเงินไปไถ่ถอนจำนอง 1,000,000 บาท และชำระค่าบำเหน็จแก่นายหน้า 500,000 บาท หลังจากนั้นโจทก์ทั้งสองได้ติดต่อขอแบ่งทรัพย์มรดกคนละ 2,000,000 บาท แต่จำเลยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจัดการให้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสองคนละ 2,000,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การทั้งสองสำนวนทำนองเดียวกันว่า จำเลยยังจัดการทรัพย์มรดกไม่เสร็จเรียบร้อย จึงไม่มีเงินมาแบ่งแก่ทายาท และโจทก์ทั้งสองไม่เคยติดต่อทวงถามให้จำเลยจัดการแบ่งทรัพย์มรดก จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสองคนละ 627,248 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2537 จนกว่าจะชำระเสร็จ

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสองเพิ่มขึ้นอีกคนละ 85,333.33 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีทั้งสองสำนวนนี้ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาแต่ละสำนวนไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาทั้งสองสำนวนโดยสรุปว่า ศาลอุทธรณ์มิได้หักเงินค่าจ้างทนายความและค่าใช้จ่ายในการร้องขอจัดการมรดกของนายเป๋า ชมชื่น จำนวน 6,000 บาท และค่าใช้จ่ายและค่าจ้างทนายความในคดีทั้งสองสำนวนนี้เป็นเงิน 250,000 บาท รวมเป็นเงิน 256,000 บาท ออกจากเงินที่โจทก์ทั้งสองและจำเลยจะพึงได้รับเป็นฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ว่ามีค่าใช้จ่ายและค่าจ้างทนายความดังกล่าวที่จะต้องนำมาหักออกจากเงินที่จะต้องนำมาแบ่งแก่โจทก์ทั้งสองและจำเลย จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”

พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share