คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5668/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเพียงแต่ได้รับอนุญาตให้ใช้เรือกลจากกรมเจ้าท่าและอยู่ในระหว่างยื่นเรื่องราวขออนุญาตเดินเรือกลประจำทางในเส้นทางพิพาทต่อกรมเจ้าท่าเพื่อประกอบกิจการเดินเรือกลรับส่งคนโดยสารแต่ยังมิได้รับอนุญาตให้เดินเรือกลประจำทางได้ในเส้นทางเดินเรือเดียวกับโจทก์และทับเส้นทางที่โจทก์เดินเรือใช้ท่าเรือร่วมกันบางส่วนและเก็บค่าโดยสารเช่นเดียวกับโจทก์เป็นการกระทำโดยผิดกฎหมายและจงใจให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์เป็นการละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา420 จำเลยเพียงแต่มีสิทธิเดินเรือกลตามปกติในลำน้ำเจ้าพระยาตามที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เรือกลในลำน้ำเจ้าพระยาเท่านั้นตราบใดที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินเรือกลประจำทางจากกรมเจ้าท่าจำเลยหามีสิทธิรับส่งคนโดยสารในเส้นทางเช่นเดียวกับโจทก์ที่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าให้เดินเรือก่อนและเรือด่วนพิเศษไม่เพราะเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์มีสิทธิห้ามจำเลยกระทำการดังกล่าวได้ตลอดระยะเวลาที่จำเลยยังมิได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่ากรณีดังกล่าวหาเป็นเรื่องระหว่างจำเลยและกรมเจ้าท่าไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยเดินเรือกลรับส่งคนโดยสารระหว่างท่าเรือสุขาภิบาลปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ถึงท่าเรือท่าช้างวัง*หลวง กรุงเทพมหานคร ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย260,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับค่าเสียหายอีกวันละ 4,000 บาทนับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะหยุดเดินเรือทับเส้นทางโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเดินเรือกลโดยได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และใช้ท่าเทียบเรือจอดรับส่งคนโดยสารคนละเท่ากับโจทก์ ไม่ทำให้โจทก์เสียหายขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเดินเรือกลประจำทางรับส่งคนโดยสารตามลำน้ำเจ้าพระยาระหว่างท่าเรือสุขาภิบาลปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ถึงท่าช้างวัง*หลวง กรุงเทพมหานครทับเส้นทางการเดินเรือของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 177,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง (7 ธันวาคม 2533) จนกว่าจะชำระเสร็จและใช้ค่าเสียหายอีกวันละ 3,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะเลิกเดินเรือกลทับเส้นทางโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประชาชนมีสิทธิที่จะใช้ประโยชน์สัญจรไปมาได้แต่การประกอบธุรกิจการเดินเรือกลรับส่งคนโดยสารจะต้องขออนุญาตต่อกรมเจ้าท่าซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบโดยก่อนจะออกใบอนุญาตให้นั้น จะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรือกลประจำทาง ซึ่งกรมเจ้าท่าแต่งตั้งขึ้นโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเมื่อคณะกรรมการและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเห็นชอบแล้วกรมเจ้าท่าถึงจะอนุมัติเส้นทางเดินเรือ และจุดจอดเรือเรือที่จะใช้เดิน อัตราค่าโดยสาร กำหนดเวลาการเดินเรือและจะต้องปฏิบัติตามระเบีรยบ*ของกรมเจ้าท่าา*ว่าด้วยการพิจารณาและออกใบอนุญาตให้เรือกลเดินประจำทาง พ.ศ. 2533ตามที่ระบุไว้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าให้เดินเรือกลจากท่าวัดราชสิงขร*ถึงท่าสุขาภิบาลปากเกร็ดตามหนังสืออนุมัติของกรมเจ้าท่าเอกสารหมาย จ.4 ซึ่งโจทก์จะต้องปฏิบัติตามระเบียบของกรมเจ้าท่าดังกล่าว แสดงว่ารัฐให้สิทธิประโยชน์แก่โจทก์โดยพิจารณาจากความเหมาะสมต่าง ๆ แล้วจึงออกใบอนุญาตให้ เมื่อโจทก์ได้รับสิทธิให้เดินเรือกลประจำทางรับส่งผู้โดยสารตามลำน้ำเจ้าพระยาโดยเก็บค่าโดยสารแต่ผู้เดียวและข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยเพียงแต่ได้รับอนุญาตให้ใช้เรือกลจากกรมเจ้าท่าตามเอกสารหมาย ล.3 และอยู่ในระหว่างยื่นเรื่องราวขออนุญาตเดินเรือกลประจำทางในเส้นทางพิพาทต่อกรมเจ้าท่าในการประกอบกิจการเดินเรือกลรับส่งผู้โดยสาร โดยที่ยังมิได้รับอนุญาตให้เดินเรือกลประจำทางได้เส้นทางเดินเรือเดียวกับโจทก์และทับเส้นทางที่โจทก์เดินเรืออยู่ทั้งยังใช้ท่าเรือร่วมกันบางท่าและเก็บค่าโดยสารเช่นเดียวกับโจทก์เป็นการกระทำโดยผิดกฎหมายและจงใจให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
และวินิจฉัยว่า การเดินเรือกลประจำทางรับส่งคนโดยสารเป็นประจำ ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456กำหนดให้ผู้ประกอบการเดินเรือจะต้องได้รับอนุญาตให้เดินเรือกลรับจ้างบรรทุกคนโดยสารประจำทางจากกรมเจ้าท่าเสียก่อนจึงจะดำเนินการรับส่งผู้โดยสารในเส้นทางที่ได้รับอนุญาตได้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุอยู่ในระหว่างที่จำเลยยื่นเรื่องราวขออนุญาตเดินเรือกลประจำทางจากกรมเจ้าท่า แม้จำเลยจะได้ขึ้นทะเบียนเรือกลรับส่งคนโดยสารตามเอกสารหมาย ล.3 ถึง ล.6และได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยพ.ศ. 2456 จำเลยก็เพียงแต่มีสิทธิเดินเรือกลตามปกติในลำน้ำเจ้าพระยาตามที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เรือกลในลำน้ำเจ้าพระยาเท่านั้นตราบใดที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินเรือกลประจำทางจากกรมเจ้าท่า จำเลยหามีสิทธิรับส่งคนโดยสารในเส้นทางเช่นเดียวกับโจทก์ที่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าให้เดินเรือด่วนและเรือด่วนพิเศษไม่ เพราะเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิห้ามมิให้จำเลยกระทำการดังกล่าวได้ตลอดระยะเวลาที่จำเลยยังมิได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า กรณีดังกล่าวหาเป็นเรื่องระหว่างจำเลยและกรมเจ้าท่าดังที่จำเลยฎีกาไม่
อนึ่ง ได้ความว่าจำเลยได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าให้จำเลยประกอบกิจการเดินเรือกลประจำทาง ตามใบอนุญาตเลขที่ 45,46, 47, 48/2536 ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2536 แล้ว ดังนั้นนับแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2536 การที่จำเลยเดินเรือกลประจำทางรับส่งผู้โดยสารในเส้นทางพิพาท จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์โจทก์ควรได้รับค่าเสียหายเป็นรายวันจนถึงวันดังกล่าว
พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายวันละ 3,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าให้เดินเรือกลประจำทางรับส่งผู้โดยสารได้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share