แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะเป็นกรมในรัฐบาล ก็ไม่มีกฎหมายให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ในหนังสือสัญญาค้ำประกัน หนังสือสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างไม่ได้ติดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 โจทก์จึงบังคับจำเลยให้ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายสมศักดิ์ ศักดิ์วีระประเสริฐ ได้เบียดบังยักยอกเงินค่าปุ๋ยและค่าพันธุ์ข้าวหลักซึ่งโจทก์ส่งมาให้จำหน่ายแก่กสิกรชาวนา คิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๒๑,๔๘๑.๕๐ บาท นายสมศักดิ์ได้ทำบันทึกรับสภาพหนี้ยินยอมชดใช้เงินทั้งหมด โดยขอผ่อนชำระเป็นรายเดือน ๆ ละ ๓๐๐ บาท ในการนี้จำเลยได้เข้ามาผูกพันทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของนายสมศักดิ์ในวงเงิน ๑๙,๑๓๑.๕๐ บาท ต่อมานายสมศักดิ์ได้ผ่อนชำระให้แก่โจทก์จนถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๕ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๙๕๔.๕๐ บาท แล้วไม่ชำระให้โจทก์อีก ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน ๑๔,๑๗๗ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๕ ถึงวันฟ้อง เป็นเวลา ๙ ปี ๑๑ เดือน เป็นดอกเบี้ย ๑๐,๕๔๔ บาท ๑๔ สตางค์ รวมทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นเงิน ๒๔,๗๒๑.๑๔ บาท ฯลฯ
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยเข้าทำสัญญาค้ำประกันทั้งสองฉบับ สัญญาทั้งสองฉบับปลอมไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันรับผิดชำระเงิน ๘,๖๔๐.๕๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
โจทก์และจำเลยฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.๓ จ.๔ จริง เฉพาะหนังสือสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.๔ นั้น ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรแม้โจทก์จะเป็นกรมในรัฐบาล ก็ไม่มีกฎหมายให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ในเอกสารนั้น เอกสารหมาย จ.๔ จึงใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ จึงบังคับจำเลยให้ต้องรับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.๔ ไม่ได้ จำเลยคงต้องรับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.๓ ที่ปิดอากรแสตมป์ถูกต้องใช้บังคับได้ตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อได้หักหนี้จำนวน ๔,๐๘๔ บาทที่ทางราชการได้หักเงินเดือนของนายสมศักดิ์ใช้ไปออกแล้ว จำเลยต้องรับผิดเพียง ๘,๖๔๐.๕๐ บาท
พิพากษายืน