แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลพลเรือนขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 นั้น แม้ทางพิจารณาโจทก์จะนำสืบข้อเท็จจริงเข้าลักษณะความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามมาตรา 336 ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารจะพิจารณาพิพากษาตามประกาศของคณะปฏิวัติก็ดี ก็เป็นบทนอกฟ้องนอกความประสงค์ของโจทก์ ศาลพลเรือนย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนั้นต่อไปได้ เพราะไม่มีกฎหมายหรือประกาศของคณะปฏิวัติฉบับใดห้ามการสละสิทธิที่จะฟ้องในข้อหาอันมีโทษหนักแล้วมาฟ้องในข้อหาอันมีโทษเบาไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า วันที่ 12 มีนาคม 2506 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจเป็นคนร้ายลักเงิน 120 บาทของโจทก์ซึ่งอยู่ในความครอบครองรักษาของเด็กหญิงระวิวรรณบุตรโจทก์โดยมีเจตนาทุจริต เหตุเกิดที่ตำบลฉลอง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
จำเลยให้การปฏิเสธ
ทางพิจารณา โจทก์นำสืบว่า ในวันเกิดเหตุโจทก์ไปขายของที่ตลาดนัดกับเด็กหญิงระวิวรรณ ใจห้าว ขณะเกิดเหตุโจทก์ไปซื้อน้ำตาลเด็กหญิงระวิวรรณจะเอาสตางค์ทอนให้นางเฟือง จำเลยใช้มือล้วงลงในกระเป๋าใส่เงินและหยิบเอาธนบัตรขึ้นมา เด็กหญิงระวิวรรณแย่งธนบัตรคืนได้จากจำเลย 1 ฉบับ แล้วจำเลยเดินหยาบ ๆ ออกไป
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบเข้าลักษณะเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 รูปคดีพอวินิจฉัยได้ สั่งงดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาว่า คดีนี้เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลทหารพิจารณาพิพากษา ไม่อยู่ในอำนาจศาลนี้ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ก็คือความผิดฐานลักทรัพย์อันมีลักษณะฉกรรจ์ เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์แม้การพิจารณาจะฟังข้อเท็จจริงได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามความประสงค์ของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลย ยังมิชอบด้วยกระบวนพิจารณาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลย ยังมิชอบด้วยกระบวนพิจารณา พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานจำเลย แล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีแล้ว ปัญหามาสู่ศาลฎีกาว่าคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยว่าลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลพลเรือน โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงเข้าลักษณะความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหาร ศาลพลเรือนมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือไม่
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ก็คือการลักทรัพย์นั่นเอง เป็นแต่การเอาทรัพย์ไปได้กระทำโดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า อันเป็นลักษณะที่กฎหมายวางโทษหนักขึ้น เมื่อไม่มีกฎหมายหรือประกาศของคณะปฏิบัติฉบับใดห้ามไว้ว่า ผู้เสียหายจะสละสิทธิที่จะฟ้องในข้อหาอันมีโทษหนักแล้วมาฟ้องในข้อหาอันมีโทษเบาไม่ได้ผู้เสียหายก็มีสิทธิที่จะฟ้องให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้ เมื่อฐานความผิดที่โจทก์ฟ้องอยู่ในอำนาจศาลพลเรือน แม้โจทก์จะนำสืบข้อเท็จจริงเข้าลักษณะความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ก็เป็นบทนอกฟ้องนอกความประสงค์ของโจทก์ ศาลพลเรือนย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนั้นได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ ชอบแล้ว
พิพากษายืน