คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของอาคารรื้อถอนอาคารที่นายช่างตรวจพบว่าไม่มั่นคงแข็งแรงหรือไม่ปลอดภัยได้ หากเจ้าของอาคารไม่ปฏิบัติตามหรือไม่อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์เกี่ยวแก่การก่อสร้างอาคารภายใน 15 วัน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็มีอำนาจรื้อถอนอาคารนั้นได้ ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2478 มาตรา 11 ทวิ วรรค 3 การที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรื้อถอนอาคาร จึงเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่โดยชอบ ไม่มีมูลเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 นั้น หมายถึงการกระทำแก่ตัวทรัพย์ให้เสียหายฯ เช่น รื้อถอนตึกแถวลง ย่อมเป็นการการกระทำแก่ตัวทรัพย์ ทำให้ตึกแถวถูกทำลายเสียหาย แต่เมื่อรื้อแล้ว ไม่นำวัตถุก่อสร้างไปมอบเจ้าของจนวัตก่อสร้างสูญหายไปนั้น หาใช่เป็นการกระทำแก่ตัวทรัพย์ไม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพ จำเลยที่ ๒ เป็นพนักงานเทศบาลใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ ๑ เมื่อ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๖ เวลากลางวันจำเลยที่ ๒ ได้ทำการรื้อตึกแถวของชั้นของโจทก์ รวม ๕ ห้อง ซี่งมีผู้อาศัยอยู่เต็ม ตั้งอยู่ในซอยสวนหลวง ตำบลวังใหม่อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนครโดยอ้างว่าได้รับคำสั่งจากจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ จึงเป็นตัวการใช้ให้จำเลยที่ ๒ กระทำผิดโดยจำเลยทั้งสองไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจปทุมวันในบ่ายวันเกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมสั่งระงับการกระทำของจำเลยที่ ๒ และเมื่อจำเลยที่ ๒ รื้อตึกแถว ๕ ห้องแล้วไม่นำวัตถุก่อสร้างที่รื้อถอนไปมอบให้โจทก์หรือตำรวจเป็นเหตุให้ถูกทำลายสูญหายและเสียหายหนักยิ่งขึ้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓,๘๙,๓๕๘
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าไม่มีมูล ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์ยืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อ ๘ มากราคม ๒๕๐๖ ตึกแถวของโจทก์ ๕ ห้องถูกเพลิงไหม้เสียหายบางส่วน ก่อนจะมีการรื้อตึกแถวของโจทก์ โจทก์ได้รับหนังสือของเทศบาลนครกรุงเทพลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๐๖ สั่งให้รื้อตึกแถวของโจทก์ที่อยู่ในเขตเพลิงไหม้ภายในกำหนด ๓ วัน ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารฯ โดยมีนายจรูญ วัฒนากร เทศมนตรีเป็นผู้ลงนามในคำสั่ง โจทก์ได้รับคำสั่งแล้วมิได้อุทธรณ์คำสั่งหรือปฏิบัติตามคำสั่งของเทศบาลดังกล่าว ครั้นวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๖ จำเลยที่ ๒ จึงได้รื้อตึกแถวของโจทก์ ๕ ห้องเสร็จในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๐๖ ก่อนลงมือรื้อและเมื่อรื้อเสร็จ จำเลยที่ ๒ ได้แจ้งความต่อสถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ ๑ ในฐานะนายกเทศมนตรี สั่งให้จำเลยที่ ๒ไปรื้อถอนตึกแถวของโจทก์โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.๒๔๗๘ มาตรา ๑๒ ซึ่งแก้ไขใหม่โดยพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้าง(ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๐๔ มาตรา ๕ ซึ่งบัญญัติให้นายช่างมีอำนาจเข้าตรวจอาคารเพื่อดูว่าอาคารนั้นอยู่ในภาวะอันสมควร ถ้านายช่างตรวจพบว่าอาคารหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารไม่มั่นคงแข็งแรงหรือไม่ปลอดภัยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจสั่งเจ้าของหรือผู้ครอบครองให้เลิกใช้อาคารหรือส่วนใดส่วนหนึ่งแห่งอาคารและหรือให้เจ้าของอาคารเปลี่ยนแปลงหรือรื้อถอนเสียภายไในเวลาอันสมควรที่จะได้กำหนดให้ และให้นำความในมาตรา ๑๑ ทวิ วรรคสาม มาใช้โดยอนุโลม ซึ่งมีความว่า ผู้ปลูกสร้างอาคารซึ่งได้รับคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์เกี่ยวแก่การก่อสร้างอาคารภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันได้รับคำสั่ง ในกรณีที่ไม่มีอุทธรณ์คำสั่ง และผู้ปลูกสร้างอาคารไม่ปฏิบัติตามภายในระยะเวลาที่กำหนด ก็ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจจัดการตามสมควรเพื่อแก้ไข ตลอดจนรื้อถอนอาคารนั้นได้ คดีนี้ โจทก์ได้รับคำสั่งให้รื้อตึกแถวใน ๓
วันโจทก์ไม่ปฏิบัติตาม และมิได้อุทธรณ์คำสั่ง การที่จำเลยที่ ๑ สั่งให้จำเลยที่ ๒ เข้ารื้อตึกแถวของโจทก์จึงเป็นการกระทำโดยอาศัยอำนาจกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ เพื่อให้ความปลอดภัยต่อร่างกาย ชีวิต หรือทรัพย์สินของประชาชนซึ่งอยู่อาศัยในตึกแถว ๕ ห้องของโจทก์ เมื่อก่อนที่จำเลยที่ ๒ จะลงมือรื้อ และเมื่อรื้อแล้วก็ได้แจ้งความไว้ต่อเจ้าพนักงานตำรวจเป็นหลักฐาน แสดงว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามอำนาจและหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่มีมูลความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง
ที่โจทก์ฎีกาว่า พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร (ฉบับที่๒ ) พ.ศ.๒๕๐๔ มาตรา ๑๑ ทวิ บัญญัติให้ผู้ปลูกสร้างอาคารมีสิทธิอุทธรณ์ หาได้ให้อำนาจเจ้าของอาคารใช้สิทธิอุทธรณ์ไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๐๔ มาตรา ๑๑ ทวิ บัญญัติให้ปลูกสร้างอาคารใช้สิทธิอุทธรณ์ได้ มิได้ให้อำนาจเจ้าของอาคารก็จริง แต่พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.๒๔๗๙ มาตรา ๑๒ ให้นำความในมาตรา ๑๑ ทวิ วรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งหมายความว่า ในกรณีเจ้าของอาคารได้รับคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้กระทำการใด ๆ ตามมาตรา ๑๒ ก็ให้เจ้าของอาคารมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้เช่นเดียวกับผู้ปลูกสร้างอาคาร โดยอนุโลมตามมาตรา ๑๑ ทวิ วรรคสามนั่นเอง ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
โจทก์ฎีกาคัดค้านว่า การที่จำเลยไม่นำวัตถุก่อสร้างที่รื้อถอนแล้วมามอบให้โจทก์หรือตำรวจ จนวัตถุก่อสร้างสูญหายไปทั้งหมดเป็นการทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๘ นั้น หมายถึงการกระทำแก่ตัวทรัพย์ให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือไร้ประโยชน์ เช่น รื้อถอนตึกแถวลง ย่อมเป็นการกระทำแก่ตัวทรัพย์ ทำให้ตึกแถวถูกทำลาย แต่เมื่อรื้อแล้วจำเลยที่ ๒ ไม่นำวัตถุก่อสร้างไปมอบโจทก์หรือตำรวจ จนวัตถุก่อสร้างสูญหายไป ไม่ใช่เป็นการกระทำแก่ตัวทรัพย์ จึงไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share