คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5654/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีที่จะอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ซึ่งมีการจำกัดในการลงโทษในความผิดหลายกรรม เมื่อรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 50 ปี นั้นจะต้องเป็นคดีที่โจทก์สามารถฟ้องความผิดที่จำเลยกระทำเป็นคดีเดียวกัน หรือสามารถรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้เนื่องจากลักษณะความผิดที่กระทำนั้นเกี่ยวพันกันแม้คดีทั้งห้าสำนวนที่จำเลยถูกฟ้องจะเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ทุกคดี แต่ปรากฏว่าผู้เสียหายแต่ละคดีมิใช่ผู้เสียหายรายเดียวกัน ทั้งสถานที่เกิดเหตุแต่ละคดีต่างสถานที่กันพยานหลักฐานแต่ละคดีจึงมิใช่พยานหลักฐานชุดเดียวกัน และการกระทำผิดของจำเลยไม่เกี่ยวพันกัน คดีทั้งห้าสำนวนจึงไม่อาจฟ้องจำเลยเป็นคดีเดียวกันหรือรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ กรณีจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 91(3) ในเรื่องการจำกัดระยะเวลาในการลงโทษจำคุกศาลมีอำนาจลงโทษจำคุกจำเลยโดยนับโทษติดต่อกันเกินกว่า 50 ปีได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย มีกำหนด 16 ปี และลงโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 810/2540 มีกำหนด 14 ปี โดยให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีนี้ ลงโทษจำคุกจำเลยซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 866/2540 มีกำหนด 14 ปี โดยให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 809/2540 และ 810/2540 ลงโทษจำคุกจำเลยซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 867/2540 มีกำหนด 14 ปี โดยให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 809/2540, 810/2540 และ866/2540 และลงโทษจำคุกจำเลยซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่868/2540 มีกำหนด 14 ปี โดยให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 809/2540, 810/2540, 866/2540 และ 867/2540

จำเลยยื่นคำร้องว่า การที่ศาลชั้นต้นให้นับโทษจำเลยรวมติดต่อกันทั้งห้าคดีมีกำหนด 72 ปี นั้น ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) จึงขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดโทษจำเลยเสียใหม่ เมื่อรวมโทษทุกคดีแล้วมีกำหนด 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยรวม 5 สำนวน โดยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 809/2540 จำคุก 16 ปี คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 810/2540 จำคุก 14 ปี คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 866/2540 จำคุก 14 ปี คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 867/2540 จำคุก 14 ปี และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 868/2540 จำคุก14 ปี โดยสำนวนคดีหลังให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในสำนวนก่อนซึ่งเมื่อรวมโทษทั้งห้าสำนวนแล้วจำเลยต้องโทษจำคุกติดต่อกันรวม 72 ปี คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า การนับโทษจำคุกติดต่อกันเกิน 50 ปี ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) หรือไม่เห็นว่า คดีที่จะอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)ซึ่งมีการจำกัดในการลงโทษในความผิดหลายกรรม เมื่อรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 50 ปี นั้น จะต้องเป็นคดีที่โจทก์สามารถฟ้องความผิดที่จำเลยกระทำเป็นคดีเดียวกันหรือสามารถรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้เนื่องจากลักษณะของความผิดที่กระทำนั้นเกี่ยวพันกัน แม้คดีทั้งห้าสำนวนที่จำเลยถูกฟ้องจะเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ทุกคดี แต่ปรากฏว่าผู้เสียหายแต่ละคดีมิใช่ผู้เสียหายรายเดียวกันทั้งสถานที่เกิดเหตุแต่ละคดีต่างสถานที่กันพยานหลักฐานแต่ละคดีจึงมิใช่พยานหลักฐานชุดเดียวกัน และการกระทำผิดของจำเลยไม่เกี่ยวพันกัน คดีทั้งห้าสำนวนจึงไม่อาจฟ้องจำเลยเป็นคดีเดียวกันหรือรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ คดีทั้งห้าสำนวนจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ในเรื่องการจำกัดระยะเวลาในการลงโทษจำคุกศาลมีอำนาจลงโทษจำคุกจำเลยโดยนับโทษติดต่อกันเกินกว่า 50 ปีได้ ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share