แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
++ เรื่อง ละเมิด
++ โปรดดูย่อจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
++ เล่มที่ 8 หน้า 116 ++
++ ขอดูชุดพิเศษโปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
ย่อยาว
เรื่อง ละเมิด
โจทก์ ฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ลงวันที่ ๒๖ เดือน มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑
ศาลฎีกา รับวันที่ ๑๘ เดือน พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๑
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่า เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๓๕ เวลาประมาณ ๗ นาฬิกาโจทก์กับบุคคลอื่นรวม ๑๑ คน ได้นั่งรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน สีขาวหมายเลขทะเบียน ๑ ป – ๙๕๑๑ กรุงเทพมหานคร โดยมีนายดาราอยู่สวัสดิ์ เป็นผู้ขับ รถคันดังกล่าวออกเดินทางจากจังหวัดสมุทรปราการมุ่งหน้าไปทางจังหวัดชัยนาท เมื่อนายดาราขับรถยนต์กระบะจากช่วงจังหวัดสิงห์บุรีโฉมหน้าไปยังจังหวัดชัยนาทมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณถนนสายเอเซีย หลักกิโลเมตรที่ ๑๕๐ เศษ มีรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิสีแดง หมายเลขทะเบียน บ – ๐๓๘๔ สุพรรณบุรี ของจำเลยซึ่งนายประคอง พันธ์เรือง เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยขับรถไปในทางการที่จ้างหรือทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายจากจำเลย โดยขับแล่นนำหน้าในช่องและทิศทางเดียวกับรถยนต์กระบะที่นายดาราขับขณะที่นายประคองขับรถยนต์อยู่บนไหล่ถนนด้านซ้ายมือแล่นนำหน้ารถยนต์คันที่นายดาราขับเมื่อถึงที่เกิดเหตุด้วยความประมาท นายประคองหักพวงมาลัยรถเลี้ยวมาทางขวา หันหัวรถเข้ามาในถนนลักษณะตัดหน้าและขวางช่องเดินรถในทิศทางที่นายดาราขับตามหลังมาอย่างกระชั้นชิดโดยที่นายประคองต้องการที่จะกลับรถไปช่องเดินรถฝั่งตรงข้ามเป็นเหตุให้รถยนต์คันที่นายดาราขับอยู่ชนประตูด้านหน้าขวาของรถยนต์ของจำเลยทำให้รถยนต์กระบะทั้งสองคันเสียหลักตกไปยังไหล่ทางของถนนฝั่งตรงข้ามได้รับความเสียหาย และทำให้ผู้โดยสารที่นั่งรถยนต์ที่นายดาราขับได้รับบาดเจ็บกันทุกคนรวมทั้งโจทก์ โดยเฉพาะโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาข้างซ้ายของโจทก์ถูกรถทับครูดไปกับถนนเป็นแผลกระดูกแตกละเอียด การกระทำของนายประคองทำให้โจทก์ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหลายแห่งและต้องถูกตัดขาข้างซ้ายทิ้งด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า ๑๘๐ วัน เสียค่าใช้จ่ายเป็นค่ายา ค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัดเป็นเงินทั้งสิ้น ๘๓,๐๐๐ บาท ค่าเสียหายที่จะต้องขาดประโยชน์ในการทำมาหาได้ โดยโจทก์มีอาชีพค้าขายมีรายได้จากการค้าปีละ ๕๔,๐๐๐ บาท โจทก์ขอให้นายประคองและจำเลยร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการขาดรายได้ของโจทก์เป็นเวลา ๑๐ ปี รวมเป็นเงิน ๕๔๐,๐๐๐ บาท เมื่อรวมกับค่ารักษาพยาบาลจำนวน ๘๓,๐๐๐ บาท แล้วคิดเป็นเงิน ๖๒๓,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยต้องรับผิดร่วมกับนายประคองในจำนวนหนี้ดังกล่าวด้วย ขอให้บังคับจำเลยรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ทั้งสิ้น ๖๒๓,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้เป็นผู้กระทำละเมิด ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างทางอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ได้ให้นายประคองคนงานของบริษัทก่อสร้างเป็นผู้ขับรถ เหตุละเมิดเกิดจากความประมาทเลินเล่อของนายดารา อยู่สวัสดิ์ คนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์เอง เนื่องจากนายดาราขับรถด้วยความเร็วสูงเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและหักหลบรถบรรทุกที่สวนทางมาพุ่งเข้าชนรถยนต์ของจำเลย ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจได้ลงความเห็นว่า เหตุเกิดขึ้นจากความประมาทของนายดารา ค่าขาดประโยชน์ที่โจทก์เรียกร้องไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน ๙,๐๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า โจทก์มีอาชีพขายขนมจีนโดยใช้รถเข็นมีรายได้ประมาณเดือนละ๔,๕๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๓๕ เวลาประมาณ ๗ นาฬิกาโจทก์กับบุคคลอื่นรวม ๑๑ คน ได้นั่งรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน สีขาวหมายเลขทะเบียน ๑ ป – ๙๕๑๑ กรุงเทพมหานคร มีนายดารา อยู่สวัสดิ์เป็นผู้ขับออกเดินทางจากจังหวัดสมุทรปราการเพื่อไปจังหวัดนครสวรรค์ขณะรถแล่นไปตามถนนสายเอเซียถึงเขตจังหวัดสิงห์บุรี ปรากฏว่ารถยนต์ของจำเลยซึ่งอยู่ข้างหน้าเป็นรถยนต์กระบะสีแดง หมายเลขทะเบียนบ – ๐๓๘๔ สุพรรณบุรี มีนายประคองเป็นผู้ขับได้ขับหลบไปทางซ้ายแล้วหักขึ้นมาทางขวาและจอดขวางกลางถนน ซึ่งถนนบริเวณดังกล่าวเป็นช่องเดินรถคนละช่องทาง ทำให้รถยนต์ที่โจทก์นั่งมาชนกับรถยนต์คันดังกล่าวด้านหน้าทำให้รถยนต์ที่โจทก์นั่งมาเสียหลัก ขณะนั้นโจทก์นั่งอยู่ที่กระบะท้ายรถขาข้างซ้ายของโจทก์ถูกรถยนต์ที่นั่งมาทับแล้วครูดไปกับถนนจนกระดูกแตกละเอียด ส่วนคนอื่นได้รับบาดเจ็บ มีผู้นำตัวโจทก์ส่งโรงพยาบาลคริสเตียนไชยวัฒน์แล้วนำไปตัดขาข้างซ้ายที่โรงพยาบาลลพบุรี โจทก์รักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลวชิระอีกประมาณ ๑ เดือนเสียค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้น ๘๐,๐๐๐ บาท ตามใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเอกสารหมาย จ.๔ ปัจจุบันโจทก์ยังมีอาการเจ็บและปวดขึ้นมาที่เอวเกี่ยวกับคดีนี้พนักงานสอบสวนได้ทำรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้ตามเอกสารหมาย จ.๘ โจทก์ขอเรียกค่าเสียหายในการขาดรายได้และไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเป็นเงิน ๕๔๐,๐๐๐ บาทรวมกับค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินทั้งสิ้น ๖๒๓,๐๐๐ บาท
จำเลยไม่สืบพยาน
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บ – ๐๓๘๔ สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๓๕ เวลาประมาณ ๗ นาฬิกา โจทก์กับบุคคลอื่นรวม ๑๑ คน ได้นั่งรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน ๑ ป – ๙๕๑๑กรุงเทพมหานคร มีนายดารา อยู่สวัสดิ์ เป็นผู้ขับออกเดินทางจากจังหวัดสมุทรปราการเพื่อไปจังหวัดนครสวรรค์โดยรถแล่นไปทางจังหวัดชัยนาทเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณถนนสายเอเซีย หลักกิโลเมตรที่ ๑๕๐ เศษขณะที่ขับตามหลังรถยนต์คันของจำเลยซึ่งมีนายประคอง พันธ์เรือง เป็นผู้ขับเกิดชนกันขึ้นเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บต้องตัดขาข้างซ้าย บุคคลอื่น ๆที่ไปด้วยกันกับโจทก์ได้รับบาดเจ็บทุกคน มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า นายประคอง พันธ์เรือง เป็นลูกจ้างหรือเป็นตัวแทนของจำเลยได้ขับรถไปในทางการที่จ้างหรือตามคำสั่งของจำเลยหรือไม่ เห็นว่าโจทก์มีพยานมาเบิกความรวม ๔ ปาก คือตัวโจทก์ นายดารา อยู่สวัสดิ์พระภิกษุเลื่อม งามขำ และนายนำ งามขำ แต่โจทก์มิได้เบิกความถึงจำเลยหรือนายประคองคนขับรถเลย ส่วนนายดาราเบิกความว่าเกิดเหตุแล้วนายประคองวิ่งหนีไป หลังจากนั้น ๑๕ นาที จำเลยมายืนดูรถพยานทราบในภายหลังว่าจำเลยมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างถนนในช่วงที่เกิดเหตุ และทราบว่านายประคองเป็นหลานภริยาจำเลยและขับรถคันเกิดเหตุของจำเลยเป็นประจำ ขณะชนกับรถยนต์ของจำเลยพบอุปกรณ์การก่อสร้างด้วย พยานสอบถามจำเลยขณะที่มายืนดูรถจำเลยรับว่าเป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุ พระภิกษุเลื่อมเบิกความว่า จำเลยรับว่าเป็นเจ้าของรถคนขับรถเป็นหลานภริยาจำเลย และจำเลยกับผู้บาดเจ็บได้มีการเจรจาค่าเสียหายกัน ส่วนนายนำเบิกความว่า พยานเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท จำเลยว่าแพงเกินไปอีก ๗ วัน ค่อยมาพบใหม่ และภายในรถยนต์ของจำเลยมีอุปกรณ์การก่อสร้างอยู่ด้วยเท่านั้น โดยเฉพาะพระภิกษุเลื่อมเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ไม่ทราบว่าจำเลยจะจ้างนายประคองขับรถยนต์ให้จำเลยหรือไม่ โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกับนายประคองมีความสัมพันธ์ในอันที่จำเลยจะต้องรับผิดร่วมหรือแทนกันในฐานะนายจ้างกับลูกจ้าง และนายประคองซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยได้กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยซึ่งเป็นนายจ้าง หรือในฐานะตัวการกับตัวแทนโดยตัวแทนได้กระทำการภายในขอบเขตอำนาจของตัวแทนที่กระทำการแทนจำเลยซึ่งเป็นตัวการอย่างไร ข้อนำสืบของโจทก์ที่ว่า จำเลยไปดูรถที่เกิดเหตุรับว่าเป็นเจ้าของรถ นายประคองคนขับเป็นหลานภริยาจำเลยภายในรถของจำเลยมีอุปกรณ์การก่อสร้างอยู่และจำเลยได้มาเจรจาและต่อรองเรื่องค่าเสียหายแก่ผู้บาดเจ็บ ยังไม่เพียงพอที่จะให้รับฟังว่านายประคอง พันธ์เรือง เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยได้ขับรถคันเกิดเหตุในทางการที่จ้างหรือกระทำการภายในขอบเขตอำนาจของตัวแทนที่จำเลยจะต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.