แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ฎีกาของจำเลยมีใจความสำคัญสรุปได้เพียงว่า จำเลยไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยยังขาดเอกสารสำคัญเกี่ยวกับคดีได้ติดต่อไปยังทนายจำเลยแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ เกรงว่าอายุฎีกาจะสิ้นสุดลงจึงได้ยื่นฎีกาไว้ก่อน ส่วนข้อโต้แย้งคัดค้านอันเป็นข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกานั้นจำเลยจะยื่นรายละเอียดอีกในภายหลัง จำเลยมิได้กระทำความผิดตามฟ้องเท่านั้นมิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกอ้างอิงไว้เลยว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีไม่ชอบหรือขัดต่อกฎหมายอย่างไร รายละเอียดที่จำเลยอ้างว่าจะยื่นเข้ามาในภายหลังก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ยื่นเข้ามาภายในอายุฎีกาและมิได้ขอขยายเวลายื่นฎีกาแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 193 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และมาตรา 216ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289,371, 33, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกข้อหา แต่ปฏิเสธเพียงว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน ต่อมาเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว จำเลยกลับให้การปฏิเสธทุกข้อหา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุกตลอดชีวิต ริบของกลาง คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289(4), 371 และมีความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสองข้อหาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) บทหนักด้วยการประหารชีวิตข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 ปี ข้อหาความผิดฐานพาอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนของกลางไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง บทหนักจำคุก 1 ปี คำรับของจำเลยในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาก่อนที่จำเลยจะกลับให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52(1) เฉพาะข้อหาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ส่วนข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและข้อหาความผิดฐานพาอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวให้จำคุกกระทงละ 1 ปี 4 เดือน และ 8 เดือน ตามลำดับ แต่เนื่องจากจำเลยต้องถูกลงโทษจำคุกในข้อหาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนถึงตลอดชีวิตแล้ว จึงนำโทษของจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ทั้งสองกระทงมารวมลงโทษอีกไม่ได้ คงให้ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตกระทงเดียวนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฎีกาของจำเลยมีใจความสำคัญสรุปได้เพียงว่า จำเลยไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยยังขาดเอกสารสำคัญเกี่ยวกับคดีได้ติดต่อไปยังทนายจำเลยแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ เกรงว่าอายุฎีกาจะสิ้นสุดลงจึงได้ยื่นฎีกาไว้ก่อน ส่วนข้อโต้แย้งคัดค้านอันเป็นข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกานั้นจำเลยจะยื่นรายละเอียดอีกในภายหลัง จำเลยมิได้กระทำความผิดตามฟ้องเท่านั้น มิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกอ้างอิงไว้เลยว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีไม่ชอบหรือขัดต่อกฎหมายอย่างไร รายละเอียดที่จำเลยอ้างว่าจะยื่นเข้ามาในภายหลังก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ยื่นเข้ามาภายในอายุฎีกา และมิได้ขอขยายเวลายื่นฎีกาแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยเช่นนี้จึงไม่เป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 225 และมาตรา 216ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาของจำเลย.