คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้เสียกับจำเลยโดยถูกจำเลยหลอกลวงว่าจะเลี้ยงดูเป็นภริยา เมื่อโจทก์ตั้งครรภ์จำเลยไม่เลี้ยงดู โจทก์จึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนเรียกจำเลยไป จำเลยรับว่าได้เสียกับโจทก์จริง รับจะเลี้ยงดูโจทก์เป็นภริยาพนักงานสอบสวนจึงแนะนำให้โจทก์จำเลยไปจดทะเบียนสมรสกันให้ถูกต้องตาม กฎหมายต่อไป และได้ทำบันทึกให้โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ แต่โจทก์ก็ไม่เลี้ยงดูหรือจดทะเบียนสมรสกับจำเลย ดังนี้ แม้จำเลยจะหลอกลวงว่าจะเลี้ยงดูโจทก์เป็นภริยา การกระทำของจำเลยก็หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะเหตุดังกล่าวไม่ได้ (นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 576/2488) และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาตามบันทึกของพนักงานสอบสวน เพราะมิได้มีข้อกำหนดว่าจำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่มีการผิดสัญญาดังกล่าว และมิใช่กรณีผิดสัญญาหมั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438, 1439 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเกี้ยวพาราสีโจทก์และให้คำมั่นสัญญาว่าถ้าโจทก์ยอมเป็นภริยาจำเลยแล้ว จำเลยจะรับเลี้ยงดูและจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ โจทก์หลงเชื่อจึงได้เสียกับจำเลยจนตั้งครรภ์ โจทก์เตือนจำเลยให้ไปจดทะเบียนสมรส จำเลยผัดผ่อน ต่อมาโจทก์ไปร้องต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนเรียกจำเลยมาและตกลงกัน จำเลยยอมรับจะเลี้ยงดูและจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ ปรากฏตามสำเนารายงานเบ็ดเสร็จประจำวันท้ายฟ้อง แต่จำเลยหาได้เลี้ยงดูและจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ไม่ การกระทำของจำเลยตลอดจนการผิดสัญญายอมความ ทำให้โจทก์เสียหายขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียง ค่าคลอดบุตร ค่าเลี้ยงดูโจทก์และบุตรรวม ๑๐,๕๐๐ บาท
จำเลยให้การว่าจำเลยรักใคร่ชอบพอและได้เสียกับโจทก์โดยความสมัครใจ จำเลยไม่เคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะเลี้ยงดูหรือจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ จำเลยรับกับพนักงานสอบสวนเพราะถูกขู่ และตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง ทั้งคดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่ร่างกายและชื่อเสียงของโจทก์ ๕,๐๐๐ บาท ค่าเสียหายที่ต้องคลอดบุตรและค่าเลี้ยงดูเป็นเหตุการณ์ในอนาคต จะพิพากษาให้เมือข้ออ้างต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นจริง
ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าเสียหายใด ๆ ควรพิพากษายกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่าข้อเท็จจริงเป็นดังโจทก์ฟ้อง และวินิจฉัยว่าแม้จำเลยจะได้หลอกลวงว่าจะเลี้ยงดูโจทก์เป็นภริยา การกระทำของจำเลยก็หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะเหตุดังกล่าวไม่ได้ (นัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๕๗๖/๒๔๘๘)
ส่วนที่โจทก์เรียกค่าเสียหายเพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามบันทึกที่ทำไว้กับพนักงานสอบสวนนั้น บันทึกดังกล่าวมิได้กำหนดว่าในกรณีที่มีการผิดสัญญา จำเลยจะต้องใช้ค่าเสียหายทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์มีบทบัญญัติให้ชายหญิงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กันในกรณีผิดสัญญาหมั้น ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๔๓๘, ๑๔๓๙ เป็นต้น คดีของโจทก์ไม่อยู่ในข่ายที่จะเรียกค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share