คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5630/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิบังคับผู้ร้องจดทะเบียนทางภาระจำยอมตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ใช้สิทธิบังคับผู้ร้องตามสัญญาดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องขอให้ศาลบังคับคดีเอากับจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จะยื่นคำร้องขอให้ศาลบังคับผู้ร้องที่เป็นบุคคลภายนอกปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมดังกล่าวหาได้ไม่ เพราะผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความ.

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท 13 โฉนด แก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 1จดทะเบียนแบ่งแยกโฉนดเลขที่ 47201, 47203, 74205, 74206, 74211 และ74212 ออกเป็นถนนเนื้อที่ 306 ตารางวา แล้วนำส่วนที่แบ่งแยกไปจดทะเบียนเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินพิพาททั้ง 13 โฉนด ให้จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิบังคับผู้ร้องหรือบริษัทปัญญาบ้านและที่ดินจำกัด ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่9599/2524 ของศาลชั้นต้น จดทะเบียนให้ถนนเข้าออกหมู่บ้านปัญญาและถนนพัฒนาการตัดใหม่เป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินพิพาท 13 โฉนดและให้จำเลยที่ 1 ออกจากที่ดินพิพาท
โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์เคยยื่นคำร้องในคดีนี้ขอให้ศาลชั้นต้นบังคับให้ผู้ร้องปฏิบัติตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9599/2524ของศาลชั้นต้น ต่อมาโจทก์และผู้ร้องแถลงร่วมกันต่อศาลชั้นต้นว่าจะไปที่สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เขตพระโขนง เพื่อดำเนินการแบ่งแยกที่ดินและจดทะเบียนภารจำยอม ตามสัญญาประนีประนอมยอมความคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9599/2524 ของศาลชั้นต้น โจทก์และผู้ร้องไปดำเนินการทางสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เขตพระโขนงเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแบ่งแยกให้แล้วและนัดโจทก์กับผู้ร้องไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินและภารจำยอม ผู้ร้องมอบอำนาจให้นายชุมพลลิ้มรัตน์ดำรงค์ ไปทำการแทน แต่นายชุมพลไม่ยอมจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินและภารจำยอม แสดงว่าผู้ร้องจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล ขอให้จับผู้ร้องมาขังจนกว่าจะจัดการจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินและภารจำยอม
ผู้ร้องแถลงว่า ผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ร้องเห็นว่าการรังวัดที่ดินไม่ถูกต้อง จึงไม่ยอมลงนามรับรองการรังวัด และผู้ร้องได้มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินขอให้รังวัดใหม่แล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่อาจดำเนินการตามคำร้องของโจทก์ได้ เนื่องจากโจทก์จะมายื่นคำร้องขอใช้สิทธิแทนจำเลยที่ 1เข้ามาในคดีนี้ไม่ได้ เพราะการใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ของโจทก์เป็นเพียงบุคคลสิทธิ ซึ่งจะอ้างขึ้นยันผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกโดยทำเป็นคำร้องเช่นกรณีนี้ไม่ได้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นคดีนี้ มีข้อความว่า ให้จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิบังคับผู้ร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่9599/2524 ของศาลชั้นต้น จดทะเบียนให้ถนนเข้าออกหมู่บ้านปัญญาและถนนพัฒนาการตัดใหม่เป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินพิพาท 13 โฉนดดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ใช้สิทธิบังคับผู้ร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องขอให้ศาลบังคับคดีเอากับจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จะยื่นคำร้องขอให้ศาลบังคับผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวซึ่งศาลพิพากษาตามยอมหาได้ไม่ เพราะผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ คำพิพากษาหรือคำสั่งใด ๆ ให้ถือว่าผูกพันคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่งเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรกที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้ออื่นนั้นไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย”
พิพากษายืน.

Share