คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพิพากษาในคดีเรื่องหนึ่งหาเป็นข้อผูกมัดโจทก์จำเลยในคดีอีกเรืองหนึ่งไม่ ถึงแม้ว่าจำเลยจะเป็นบุคคลคนเดียวกันทั้งประเด็นข้อหานำสืบและพะยานหลักฐานขุดเดียวกันก็ตาม เว้นแต่จะปรากฎโดยแจ้งขัดว่าคู่กรณีตกลงยินยอมให้เป็นเช่นนั้น

ย่อยาว

คดีได้ความว่าเดิมพ่อค้าเพ็ชร์พลอย ๗ คนรวมทั้งโจทก์ในคดีนี้ด้วยต่างยืนฟ้องจำเลยต่างสำนวนกัน เรียกราคาค่าซื้อของเชื่อ ซึ่งจำเลยได้ซื้อมาจากพวกโจกท์โดยทาง น.ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นตัวแทนของจำเลย จำเลยรับว่าได้ซื้อเชื่อของมาจริงแต่ว่า น.มิได้เป็นตัวแทนของจำเลย น.ขายของให้จำเลยเองโดยตรง ในคดีทั้ง ๗ สำนวนนั้น ทั้งโจทก์และจำเลยต่างตกลงกันปรากฎตามรายงานพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าขอให้ศาลพิจารณาคดีสำนวนเดียวก่อน ศาลอนุญาตโดยให้รอคดีอีก ๖ สำนวนนั้นไว้ก่อน คดีเรื่องนั้นถีงที่สุด ศาลได้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยเห็นว่า น. เป็นตัวแทนของจำเลยจริง โจทก์ในคดีอีก ๖ สำนวนคือรวมทั้งโจทก์ในคดีนี้ได้ร้องให้ศาลกลับพิจารณาคดีที่เหลืออยู่ต่อไป
ศาลแพ่งพิพากษาว่า ในคดีนี้โจทก์หาได้นำสืบ น.ดังในคดีก่อนไม่ โจทก์อ้างแต่คำให้การของ น.ในสำนวนเรื่องก่อนมาเป็นพะยานเท่านั้น และนอกจากนี้โจทก์มีเอกสารอีก ๒ ฉะบับเป็นจดหมายโต้ตอบระวางสมาคมพาณิชย์เครื่องเพ็ชร์กับจำเลย เห็นว่าจะฟังเอาสำนวนเรื่องก่อนมายังแก่จำเลยในคดีนี้มิได้ ฉะเพาะเอกสาร ๒ ฉะบับนั้นก็ยังไม่เป็นหลักฐานอันเพียงพอที่จะลงเอาได้ว่า น.ได้เป็นตัวแทนของจำเลยจริง จึงให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่าเห็นด้วยกับศาลแพ่งในข้อที่วินิจฉัยว่าจะนำเอาสำนวนในคดีเรื่องก่อนมาเป็นหลักฐานใช้ยันแก่จำเลยในคดีเรื่องนี้มิได้ แต่คดีเรื่องนี้ไม่มีประเด็นข้อโต้เถียงในเรื่องจำนวนหนี้และทั้งจำเลยก็ยังรับว่ายังเป็นหนี้ค่าซื้อเชื่อสิ่งของนั้นจริง ยังเหลือปัญหาข้อเดียวว่า น. เป็นตัวแทนจำเลยหรือมิใช่ในข้อนี้ศาลฎีกาเมื่อได้ตรวจเอกสารทั้งสองฉะบับที่โจทก์อ้างมาแล้ว เห็นว่าเป็นหลักฐานอันเพียงพอที่ชี้ให้เห็นว่า น.เป็นตัวแทนของจำเลยจริงดังโจทก์กล่าวหาจึงพิพากษากลับศาลชั้นต้น ยืนตามศาลอุทธรณ์ให้ โจทก์ชนะคดีตามที่เรียกร้อง

Share