คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5627/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายและใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83,80 พอถือได้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกัน ฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาฟังได้ตามฟ้องการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน หาใช่เป็นความผิดกรรมเดียวไม่ แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์และฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาเห็นสมควรปรับบทลงโทษเสียให้ถูกต้องแต่ไม่แก้โทษที่ศาลชั้นต้นพิพากษามา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยกับพวกอีก3 คนร่วมกันใช้มีดปลายแหลมมีความยาวทั้งด้ามและใบมีดประมาณ12 เซนติเมตร 1 เล่ม กับมีความยาวทั้งด้ามและใบมีดประมาณ17 เซนติเมตร 1 เล่ม ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีดังกล่าวต่างพกติดตัวมา และไม่ทราบขนาดและความยาวอีก 1 เล่มที่จำเลยพกติดตัวมาเป็นอาวุธแทงนายดอกรัก วงศ์งามผู้ตายที่บริเวณใต้ราวนมซ้ายมีบาดแผลฉีกขาดลึกถึงภายในโดยมีเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้นายดอกรักถึงแก่ความตายและจำเลยกับพวกร่วมกันใช้มีดปลายแหลมดังกล่าวแทงนายอนันต์ อินทสุข ผู้เสียหายที่บริเวณชายโครงด้านซ้ายโดยมีเจตนาฆ่า ทั้งนี้ จำเลยกับพวกลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำไม่บรรลุผล เพราะผู้เสียหายได้รับการรักษาจากแพทย์ทันท่วงที นายอนันต์จึงไม่ถึงแก่ความตาย แต่ได้รับอันตรายสาหัสต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83, 80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางเฮียง วงศ์งาม มารดาของนายดอกรัก วงศ์งาม ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และมาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 โจทก์บรรยายฟ้องรวมกันมาเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นบทหนักแต่สถานเดียว จำคุก 20 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง ผู้ตายและผู้เสียหายถูกคนร้ายแทงด้วยอาวุธมีดเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายและผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยเป็นคนร้ายรายนี้หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมสอดคล้องกันมีน้ำหนักมั่นคงฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาและพิพากษาลงโทษจำเลยนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์บรรยายฟ้องรวมกันมาเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นบทหนักแต่สถานเดียวนั้น ไม่ถูกต้องเนื่องจากโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายและใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าซึ่งพอถือได้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย อันเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน หาใช่เป็นความผิดกรรมเดียวไม่ แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์และฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาเห็นสมควรปรับบทลงโทษเสียให้ถูกต้อง โดยไม่แก้โทษที่ศาลชั้นต้นพิพากษามา
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 กระทงหนึ่งและมาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 อีกกระทงหนึ่ง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share