คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5624/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขออาศัยอยู่ในที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ การครอบครองที่ดินของจำเลยจึงเท่ากับเป็นการอาศัยสิทธิของโจทก์ แม้จะครอบครองมานานเกินกว่าหนึ่งปีก็หาได้เกิดสิทธิครอบครองของจำเลยเองไม่ หากโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอาศัยอยู่ต่อไปโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยและบริวารได้ขออาศัยอยู่ในที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ โจทก์ประสงค์จะทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวได้บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินนั้นแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้ข้บไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท
จำเลยให้การว่าจำเลยและบริวารไม่เคยขออาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทจำเลยซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายยง และได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกินกว่าหนึ่งปี หากที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องคดี เพราะโจทก์มิได้ฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทให้จำเลยส่งมอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยขออาศัยอยู่ในที่ดินของโจทก์แล้ววินิจฉัยว่าการครอบครองที่ดินของจำเลยดังกล่าวเท่ากับเป็นการอายัดสิทธิของโจทก์ แม้จะครอบครองมานานเกินกว่าหนึ่งปีก็หาได้เกิดสิทธิครอบครองของจำเลยเองไม่ หากโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอาศัยอยู่ต่อไป โจทก์ก็มีอำนาจที่จะฟ้องขับไล่จำเลยได้
พิพากษายืน.

Share