คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5623/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

นอกจากผู้ร้องจะมีใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์อันเป็นหลักฐานแสดงว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางแล้ว ยังได้ความจากคำรับของจำเลยที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนในทันทีทันใดภายหลังเกิดเหตุ โดยไม่ทันมีเวลาคิดไตร่ตรองหาลู่ทางบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ผิดไปว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของรถได้กำชับมิให้จำเลยบรรทุกทรายหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่จำเลยลักลอบขนทรายขึ้นบรรทุกเองโดยผู้ร้องไม่รู้เห็น เพื่อนำทรายส่วนที่เกินไปขายเป็นประโยชน์ส่วนตัว คำให้การดังกล่าวมีน้ำหนักพอรับฟังว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องมีสิทธิขอให้คืนรถยนต์บรรทุกของกลางได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 มาตรา 61, 73 และริบรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน82 – 3420 นครปฐม ของกลาง

ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้สั่งคืนรถยนต์บรรทุกของกลางแก่ผู้ร้อง

โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยขับรถยนต์บรรทุกของกลางทรายซึ่งมีน้ำหนักเกินอัตราไปตามถนนดินแดงแขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร โดยฝ่าฝืนกฎหมาย คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอให้คืนรถยนต์บรรทุกของกลางได้หรือไม่ เห็นว่า นอกจากผู้ร้องจะมีใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์เอกสารหมาย ร.2 เป็นหลักฐานแสดงว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 82 – 3420 นครปฐม ของกลางแล้ว ยังได้ความจากร้อยตำรวจตรีหม่อมหลวงดนัยพร จรูญโรจน์ พนักงานสอบสวนว่า เมื่อจับกุมจำเลยได้แล้วพยานได้เปรียบเทียบปรับจำเลยในความผิดฐานไม่นำใบอนุญาตขับขี่ติดตัวในขณะขับรถและฐานนำรถยนต์ที่มีสภาพไม่สมบูรณ์แข็งแรงมาใช้แล่นในทาง ส่วนความผิดฐานขับรถยนต์บรรทุกซึ่งมีน้ำหนักเกินอัตราจำเลยให้การรับสารภาพอ้างว่าผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของรถได้กำชับมิให้จำเลยบรรทุกทรายหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแต่จำเลยลักลอบขนทรายขึ้นบรรทุกเองโดยผู้ร้องไม่รู้เห็น ทั้งนี้ เพื่อนำทรายส่วนที่เกินไปขายเป็นประโยชน์ส่วนตัว พยานได้บันทึกถ้อยคำของจำเลยไว้ตามเอกสารหมาย จ.2ซึ่งเป็นคำรับสารภาพของจำเลยที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนในทันทีทันใดภายหลังเกิดเหตุ โดยไม่ทันมีเวลาคิดไตร่ตรองหาลู่ทางบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ผิดไป คำให้การรับสารภาพดังกล่าวจึงมีน้ำหนักน่ารับฟัง ดังนั้น แม้ข้ออ้างของผู้ร้องว่าให้นายสนั่นโง้วสุวรรณ์ เช่ารถไปรับจ้างบรรทุกสิ่งของจะมีน้ำหนักน้อยไม่น่าเชื่อถือดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ตาม แต่ถ้อยคำของจำเลยที่ให้การว่า จำเลยลักลอบขนทรายบรรทุกไว้บนรถโดยพลการก็มีน้ำหนักพอให้รับฟังว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยผู้ร้องมีสิทธิขอให้คืนรถยนต์บรรทุกของกลางได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษายกคำร้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้คืนรถยนต์บรรทุกของกลางแก่ผู้ร้อง

Share