คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5623/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสูดดมสารระเหยซึ่งเป็นความผิดตามพระราชกฤษฎีกาป้องกันการใช้สารระเหย มาตรา 17 และขณะกระทำผิดจำเลยอายุยังไม่เกิน 17 ปี จำเลยไม่ต้องรับโทษตามมาตรา 24 แต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะว่ากล่าวตักเตือนจำเลยแล้วปล่อยไป และถ้าศาลเห็นสมควรจะเรียกบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลที่ผู้กระทำผิดนั้นอาศัยอยู่มาตักเตือนด้วยก็ได้ตามมาตรา 26(1) ของกฎหมายดังกล่าว ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจึงเป็นการมิชอบ แม้ปัญหานี้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นในชั้นศาลอุทธรณ์ภาค 2 แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยให้ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง,215,225 เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุไม่เกิน 17 ปี พิจารณาถึงสถานะของจำเลยที่อยู่ในวัยเรียน ประกอบพฤติการณ์แห่งความผิดแล้ว เห็นสมควรลงโทษว่ากล่าวตักเตือนจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสูดดมสารระเหยเพื่อบำบัดความต้องการของร่างกายหรือจิตใจของจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2522 มาตรา 3, 17, 24 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 มาตรา 3, 17, 24 จำเลยอายุไม่เกิน17 ปี ไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ส่งตัวไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กมีกำหนด 6 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุไม่เกิน 17 ปี จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษตามพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2523 มาตรา 24 ประกอบด้วยมาตรา 17 และตามพระราชกำหนดดังกล่าว มาตรา 26 บัญญัติว่า ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 17 มีอายุไม่เกินสิบเจ็ดปี ผู้กระทำความผิดไม่ต้องรับโทษตามมาตรา 24 แต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะดำเนินการต่อไปนี้
(1) ว่ากล่าวตักเตือนผู้กระทำความผิดนั้นแล้วปล่อยไปและถ้าศาลเห็นสมควรจะเรียกบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลผู้กระทำความผิดนั้นอาศัยอยู่ มาตักเตือนด้วยก็ได้
(2) ถ้าศาลเห็นว่าผู้กระทำความผิดเป็นผู้ติดสารระเหยให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งผู้กระทำความผิดนั้นไปรับการบำบัดรักษาในสถานพยาบาลจนกว่าจะครบขั้นตอนการบำบัดรักษา ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจึงเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ปัญหานี้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นในชั้นศาลอุทธรณ์ แต่ศาลฎีกาก็เห็นสมควรวินิจฉัยให้ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง, 215 ประกอบด้วยมาตรา 225ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุยังไม่เกิน17 ปี และเมื่อพิจารณาถึงสถานะของจำเลยที่อยู่ในวัยเรียน ประกอบกับพฤติการณ์แห่งความผิดในคดีนี้แล้ว เห็นสมควรลงโทษว่ากล่าวตักเตือนจำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นว่ากล่าวตักเตือนจำเลยแล้วปล่อยตัวไป นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share