แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ 1 และบริวารออกจากที่ดินพิพาท กับให้ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ โดยให้จำเลยที่ 1 วางเงินประกันค่าเสียหายภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด แต่จำเลยที่ 1 ขอขยายระยะเวลาวางเงิน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ดังนี้ คดีที่จำเลยที่ 1 ขอทุเลาการบังคับอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การขอขยายระยะเวลาวางหลักประกันเป็นเรื่องต่อเนื่องกับคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งเกี่ยวกับการขอทุเลาการบังคับของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลา จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิฎีกา
ย่อยาว
คดีเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ 1 และบริวารกับให้ขนย้ายทรัพย์สินเว้นแต่ตึกแถวซึ่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้วออกจากที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 904 จังหวัดชลบุรี จำเลยที่ 1 อุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยที่ 1 ว่าถ้าจำเลยที่ 1 นำค่าเสียหายที่จะต้องชำระให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา และค่าเสียหายอีกเดือนละ 20,000 บาท นับแต่วันฟ้องถึงวันทราบคำสั่งนี้มาวางไว้ต่อศาลชั้นต้นภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ หากผิดนัดเดือนใดก็ไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับต่อไป
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินออกไปอีก 1 เดือน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีที่จำเลยที่ 1 ขอทุเลาการบังคับอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 การขอขยายระยะเวลาวางหลักประกันเป็นเรื่องต่อเนื่องกับคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่สั่งเกี่ยวกับการขอทุเลาการบังคับของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยเฉพาะ ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางหลักประกันให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ดังกล่าวได้ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาในเรื่องนี้ของจำเลยที่ 1 มาไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1