คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5619/2552

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยไม่ได้มีส่วนร่วมหรือรู้เห็นในการที่คนร้าย 4 คน ได้พรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารตั้งแต่แรก จำเลยเป็นเพียงเจ้าของห้องพักที่เกิดเหตุซึ่งยินยอมให้ ป. และพวกนำตัวผู้เสียหายเข้ามาใช้ห้องพักเป็นสถานที่หลับนอนและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเท่านั้น โดยมิได้มีการพรากผู้เสียหายต่อไปยังที่อื่น ๆ อีก การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุน ป. และพวกพรากผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2548 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยกับพวกร่วมกันพรากเด็กหญิง…. อายุ 13 ปี เศษ (เกิดวันที่ 10 มิถุนายน 2535) ซึ่งเป็นเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากนาย…. ผู้เสียหายซึ่งเป็นบิดา ผู้ปกครอง ผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร แล้วจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิง…. ซึ่งเป็นเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี และมิใช่ภริยาของจำเลยกับพวก โดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน มีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงจนสำเร็จความใคร่ของจำเลยกับพวกหลายครั้ง โดยเด็กหญิง…. ไม่ยินยอม หลังจากที่จำเลยกับพวกกระทำความผิดแล้วถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2548 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังเด็กหญิง…. ไว้ที่บ้านพักของจำเลยนี้ อันเป็นการทำให้เด็กหญิง…. ต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 277, 317, 310
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม 317 วรรคสาม 310 วรรคแรก การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี อันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงโดยเด็กหญิงไม่ยินยอม ให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจารให้ลงโทษจำคุก 8 ปี ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี อันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงโดยเด็กหญิงไม่ยินยอมจำนวน 25 ปี ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร จำนวน 4 ปี ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น จำนวน 3 เดือน รวมจำคุก 29 ปี 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 คงจำคุกจำเลย 25 ปี 3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการเดียวว่า จำเลยกระทำผิดฐานร่วมกับพวกพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม หรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า หลังจากคนร้าย 4 คน ได้บังคับเอาตัวผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราที่บริเวณบ่อปลาอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี แล้วคนร้ายได้พาผู้เสียหายไปยังบ้านที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านที่จำเลยอาศัยอยู่ ขณะไปถึงเป็นเวลาดึกมากแล้ว บุคคลทั่วไปต้องหลับนอนแล้ว แต่จำเลยยังรออยู่มิได้หลับนอนแต่ประการใด ทั้งจำเลยยังยินยอมให้คนร้ายนำเอาตัวผู้เสียหายเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะโทรมหญิงในบ้านของจำเลยและจำเลยเองก็ได้เข้าร่วมข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่า จำเลยเป็นตัวการร่วมกับคนร้ายกระทำความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารตามฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่า ตามพยานหลักฐานโจทก์เกี่ยวกับปัญหานี้โจทก์มีผู้เสียหายเป็นพยานเบิกความว่า หลังจากคนร้าย 4 คน ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่บริเวณริมบ่อน้ำแล้ว คนร้าย 2 คน ได้พาผู้เสียหายนั่งรถจักรยานยนต์ไปที่บ้านหลังหนึ่งอยู่แถวอำเภอปากเกร็ด เมื่อมาถึงบ้านที่อำเภอปากเกร็ด พบนายไผ่และจำเลย นายไผ่และจำเลยจะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แต่คนร้าย 2 คน ที่พาผู้เสียหายมาได้ไล่ให้นายไผ่และจำเลยออกไปก่อน แล้วคนร้าย 2 คนนั้นได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีกรอบ จากนั้นจึงให้นายไผ่และจำเลยมาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ผู้เสียหายนอนอยู่กับนายไผ่และจำเลยจนถึงเช้า ในตอนเช้าคนร้ายหนึ่งในสองคน คือ นางประกิจ (ทราบชื่อภายหลัง) ที่ลักพาตัวผู้เสียหายมาตั้งแต่แรกจะพาผู้เสียหายไปส่งบ้าน แต่ผู้เสียหายไม่ไปอ้างว่าเพลีย ผู้เสียหายจึงนอนอยู่ในห้องจนกระทั่งบ่ายนายประกิจได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีก 1 ครั้ง แล้วจึงพาผู้เสียหายไปส่งกลับ นอกจากคำเบิกความของผู้เสียหายแล้ว โจทก์ยังมีบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของนายไผ่และจำเลยตามเอกสารหมาย จ.7 จ.8 และ จ.9 ข้อเท็จจริงทั้งหมดจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีส่วนร่วมหรือรู้เห็นในการที่คนร้าย 4 คน ได้พรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารตั้งแต่แรกแต่ประการใด จำเลยเป็นเพียงเจ้าของห้องพักที่เกิดเหตุซึ่งยินยอมให้นายประกิจและพวกนำตัวผู้เสียหายเข้ามาใช้ห้องพักเป็นสถานที่หลับนอนและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเท่านั้น โดยมิได้มีการพรากผู้เสียหายต่อไปยังที่อื่น ๆ อีก การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนนายประกิจและพวกพรากผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาพรากผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share