คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทโดยถือหลักเขตตามโฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานออกให้ โดยไม่ทราบว่าหลักเขตที่ปักนั้นคลาดเคลื่อน ย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยไม่สุจริต จำเลยไม่ต้องรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำออกจากที่ดินของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1312
การเรียกร้องค่าเสียหายเป็นสิทธิหน้าที่หรือความรับผิดของบุคคลอันเป็นกฎหมายสารบัญญัติ ส่วนวิธีการที่จะยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามกฎหมายจะต้องดำเนินการตามกฎหมายวิธีบัญญัติ กล่าวคือ ถ้าเป็นคดีแพ่งก็ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์เพียงแต่ขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโจทก์ มิได้มีคำขอเกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหาย ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่ได้ เป็นการเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองปลูกสร้างอาคารในที่ดินของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโจทก์
จำเลยให้การว่าจำเลยปลูกบ้านในเนื้อที่ดินที่เจ้าหน้าที่รังวัดซึ่งเป็นของจำเลย ไม่ได้รุกล้ำที่ดินโจทก์และกระทำไปโดยสุจริต จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยทั้งสองได้ปลูกอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์บริเวณหมาย ค. ง. ฉ. ตามแผนที่พิพาท ประเด็นที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่าจำเลยปลูกสร้าองาคารรุกล้ำที่ดินโจทก์โดยสุจริตหรือไม่ โจทก์จำเลยต่างนำสืบรับกันว่าโจทก์และจำเลยที่ ๑ ซื้อที่ดินจากนายเคนคนละหนึ่งแปลง อยู่ติดกันได้ทำการรังวัดแบ่งแยกออกโฉนดแล้ว ที่ดินโจทก์โฉนดเลขที่ ๒๖๒๑ ของจำเลยโฉนดที่ ๒๖๒๐ ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่ามีการย้ายหลักเขตที่ดินใหม่แต่ประการใด และจำเลยนำสืบว่า เมื่อซื้อที่ดินแล้วได้ถมดินและปลูกสร้างอาคารในที่ดินที่ซื้อก่อนโจทก์และได้ความว่าเมื่อจำเลยสร้างอาคาร จำเลยเห็นว่าอาคารที่สร้างไม่ได้แนวตั้งฉากกับถนน จำเลยจึงไปขอซื้อที่ดินด้านทิศเหนือจากนายอ่อน แต่นายอ่อนไม่ยอมขาย อันเป็นข้อสนับสนุนให้เห็นว่าจำเลยเชื่อโดยสุจริตใจว่าที่ดินภายใจจุด ค. ง. ฉ. ในแผนที่พิพาทเป็นที่ดินของจำเลย การที่จำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทโดยถือหลักเขตที่ปรากฎตามโฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานออกให้โดยไม่ทราบว่าหลักเขตที่ปักนั้นคลาดเคลื่อนย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยไม่สุจริต จำเลยไม่ต้องรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำออกจากที่ดินของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๑๒
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์ แม้จะพิพากษาว่าจำเลยไม่ต้องรื้อถอนอาคารที่รุกล้ำ ศาลก็ควรกำหนดเรื่องค่าเสียหายให้โจทก์ไปด้วย หาใช่เป็นเรื่องนอกฟ้องแต่อย่างใด พิจารณาแล้วเห็นว่าการเรียกร้องค่าเสียหายนี้เป็นสิทธิและหน้าที่หรือความรับผิดของบุคคลอันเป็นกฎหมายสารบัญญัติ ส่วนวิธีการที่จะยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามกฎหมายจะต้องดำเนินการตามกฎหมายวิธีบัญญัติ กล่าวคือถ้าเป็นคดีแพ่งก็ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คดีนี้ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้มีคำขอเกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหาย ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่ได้ เป็นการเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒
พิพากษายืน

Share