คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5606/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายย่อมมีผลให้จำเลยทั้งสองหลุดพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลาย และเท่ากับว่าศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองไปด้วยแล้วในตัวจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของจำเลยทั้งสองอีกต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคล ล้มละลาย
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือแจ้งไปยังศาลชั้นต้นว่า เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เพียงรายเดียวได้ยื่นคำร้องขอถอนคำขอรับชำระหนี้ เพราะมีบุคคลภายนอกชำระหนี้แทนลูกหนี้ (จำเลยทั้งสอง) และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ ถอนคำขอรับชำระหนี้ไปแล้ว ถือว่าคดีล้มละลายคดีนี้ไม่มีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้อันเป็นเหตุไม่สมควรให้ลูกหนี้ตกเป็นบุคคลล้มละลาย ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 135 (2) และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้น ได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายแล้ว ย่อมมีผลให้จำเลยทั้งสองหลุดพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลาย และเท่ากับว่า ศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองไปด้วยในตัว จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของจำเลยทั้งสองอีกต่อไป
ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลฎีกา ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลยทั้งสอง ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share