คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2270/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติความผิดในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐไว้เป็น 2 กรณี กล่าวคือถ้าเป็นกรณีเข้ายึดถือครอบครองก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ใช้บังคับก็เป็นความผิดตามมาตรา 108 ถ้าเป็นกรณีเข้ายึดถือครอบครองนับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวใช้บังคับ ก็เป็นความผิดตามมาตรา 108 ทวิ ซึ่งมีองค์ประกอบแตกต่างกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ใช้บังคับแล้ว และศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 108 ทวิ หาใช่ มาตรา108 ไม่ การที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่ครบหลักเกณฑ์หรือไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 108 จึงไม่มีผลที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นอย่างอื่นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๒ ถึงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๒๒ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองก่นสร้าง ทำไร่ ทำนา ที่ดินสาธารณประโยชน์ “โคกป่าโจด” อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันทั้งนี้โดยจำเลยมิได้มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๙, ๑๐๘, ๑๐๘ ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ข้อ ๑๑ และสั่งให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินนั้นด้วย
จำเลยแถลงขอสู้คดีโดยไม่ยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา ๙, ๑๐๘ ทวิ ให้ลงโทษจำคุก ๖ เดือน และปรับ ๔,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอไว้ ๒ ปีให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินนั้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติความผิดในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐไว้โดยแบ่งแยกเป็น ๒ กรณี กล่าวคือถ้าเป็นกรณีเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ใช้บังคับก็เป็นความผิดตามมาตรา ๑๐๘ ถ้าเป็นกรณีเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐนับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวใช้บังคับก็เป็นความผิดตามมาตรา ๑๐๘ ทวิ ซึ่งความผิดตามมาตรา ๑๐๘ และมาตรา ๑๐๘ ทวิ ดังกล่าวนี้มีองค์ประกอบแตกต่างกัน คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดระหว่างวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๒ ถึงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๒๒ ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ใช้บังคับแล้ว และศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๑๐๘ ทวิ หาใช่มาตรา ๑๐๘ ไม่ การที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่ครบหลักเกณฑ์หรือไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา ๑๐๘ จึงไม่มีผลที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นอย่างอื่นได้
พิพากษายืน

Share