คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 560/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ท้ากันว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าลายเซ็นในสัญญากู้เป็นลายเซ็นของจำเลยจริง จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าเห็นว่าไม่ใช่ โจทก์ยอมแพ้ เมื่อผู้เชี่ยวชาญรายงานว่าได้ตรวจลายเซ็นผู้กู้ในสัญญากู้ เปรียบเทียบกับตัวอย่างลายเซ็นของจำเลยแล้ว เห็นว่า น่าเชื่อว่าเป็นลายเซ็นของบุคคลคนเดียวกัน ดังนี้ เท่ากับมีความเห็นว่าเป็นลายเซ็นของจำเลยจริงตรงตามคำท้าแล้วไม่ใช่ว่ายังไม่แน่ใจ
ในคดีแพ่งผู้เชี่ยวชาญจะแสดงความเห็นเป็นหนังสืออย่างเดียวก็ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 7,000 บาท ตามสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้องแล้วไม่ชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่าไม่เคยกู้ไม่เคยทำสัญญากู้เงินกับโจทก์ และลายมือชื่อหรือลายเซ็นชื่อผู้กู้ไม่ใช่ลายเซ็นชื่อจำเลย สัญญากู้ที่โจทก์ฟ้องเป็นสัญญาปลอม

วันนัดพร้อมจำเลยดูต้นฉบับสัญญากู้ (จ.1) แล้วว่า ลายเซ็นในช่องผู้กู้ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย โจทก์จำเลยตกลงท้ากันขอให้ศาลส่งลายเซ็นของจำเลยกับเอกสาร จ.1 ไปให้ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจตรวจพิสูจน์ว่า ลายเซ็นในเอกสาร จ.1 เป็น ลายเซ็นของจำเลยใช่หรือไม่ ถ้าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่า ลายเซ็นในเอกสาร จ.1 เป็นลายเซ็นของจำเลยจริง และมิใช่มีผู้ก๊อปปี้ (สำเนา) มาจากลายเซ็นที่แท้จริงของจำเลย จำเลยยอมแพ้คดีตามคำขอท้ายฟ้องทุกประการ แต่ถ้าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าลายเซ็นในเอกสาร จ.1 ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย หรือเป็นลายเซ็นที่มีผู้ก๊อปปี้มาจากลายเซ็นที่แท้จริงของจำเลย โจทก์ยอมแพ้คดี ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่า ได้ตรวจพิจารณาลายมือชื่อตรงช่องลงลายมือชื่อผู้กู้ในสัญญากู้เปรียบเทียบกับตัวอย่างลายมือชื่อของจำเลยที่เขียนต่อหน้าศาลแล้ว ปรากฏว่ามีลักษณะการเขียนและรูปลักษณะของตัวอักษรคล้ายคลึงกันเป็นส่วนมาก น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน และคุณสมบัติของลายเส้นของลายมือชื่อผู้กู้ดังกล่าวเรียบร้อย ไม่มีลักษณะรอยคราบใด ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากกระดาษคาร์บอนหรือดินสอก๊อปปี้ จึงน่าเชื่อว่าไม่มีการก๊อปปี้จากลายมือชื่อที่แท้จริงของจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีตามคำท้า

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่า ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวยังไม่ตรงกับคำท้า และจะฟังเป็นยุติแน่นอนไม่ได้ว่าลายมือชื่อในเอกสาร จ.1 เป็นลายเซ็นของจำเลยจริง เพียงแต่น่าเชื่อว่าเป็นลายมือของบุคคลคนเดียวกัน และน่าเชื่อว่าไม่มีการก๊อปปี้จากลายมือชื่อที่แท้จริงของจำเลยเท่านั้น แสดงว่าผู้เชี่ยวชาญยังไม่แน่ใจ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวเท่ากับผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าเป็นลายเซ็นของจำเลยจริง และมิใช่มีผู้ก๊อปปี้มาจากลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลยนั่นเอง ซึ่งตรงตามคำท้าของจำเลยแล้ว และที่จำเลยฎีกาว่า ศาลล่างไม่ควรฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอย่างเดียวโดยไม่นำตัวผู้เชี่ยวชาญมาเบิกความอธิบายประกอบนั้น ข้อนี้ไม่มีอยู่ในคำท้าของคู่ความ และในคดีแพ่งผู้เชี่ยวชาญจะแสดงความเห็นเป็นหนังสืออย่างเดียวก็ได้

พิพากษายืน

Share